ดาวโจนส์ดีดตัวกว่า 370 จุด ตลาดคลายกังวลภาวะเศรษฐกิจ 



  • นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการทรุดตัวของเศรษฐกิจโลกจากโควิดระลอกใหม่
  • หุ้นที่ได้ผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจปรับตัวเพิ่มขึ้น
  • ตลาดจับตาแถลงการณ์รอบครึ่งปีนโยบายการเงินและเศรษฐกิจสหรัฐของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส

เมื่อเวลา 21.45 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,796.20 จุด เพิ่มขึ้น 374.27 จุด หรือ +1.09% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 14,620.34 จุด เพิ่่มขึ้น 60.56 จุด หรือ +0.42% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,354.71จุด ลดลง 33.89 จุด หรือ +0.78%

หุ้นกลุ่มธุรกิจเรือสำราญ กลุ่มสายการบิน และธนาคาร รวมทั้งกลุ่มพลังงานต่างปรับตัวขึ้น หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นในวันนี้ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการทรุดตัวของเศรษฐกิจโลกจากโควิดระลอกใหม่จะกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

นักลงทุนจับตาอแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรส ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ, อัตราเงินเฟ้อ, ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ รวมทั้งผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

โดยจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 14 ก.ค. และต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 15 ก.ค. โดยการแถลงของนายพาวเวลในสัปดาห์หน้าถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากเขาอาจส่งสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะเริ่มปรับลด QE ในเดือนม.ค.2565 โดยจะปรับลดวงเงิน QE เดือนละ 20,000 ล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันที่เฟดดำเนินมาตรการ QE วงเงิน 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน ซึ่งจะทำให้เฟดใช้เวลา 6 เดือนในการปรับลด QE ซึ่งหมายความว่าเฟดจะยุติการทำ QE ในช่วงกลางปี 2565 และเฟดจะพักการดำเนินการเป็นเวลา 1 ปีเพื่อให้ตลาดปรับตัว ก่อนที่จะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2566

ด้านสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 2% ทะลุ 74 ดอลลาร์ในวันนี้ ขานรับตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงมากเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 6.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 4 ล้านบาร์เรล

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงในวันนี้ ก่อนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะลงนามในคำสั่งพิเศษของฝ่ายบริหารเพื่อสกัดพฤติกรรมการดำเนินธุรกิจแบบผูกขาดตลาดของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่