ดาวโจนส์ดีดกลับเกือบ 400 จุด คาดหวังเจรจายุติสงครามคืบหน้า



  • นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นอีกครั้ง หลังมองการเจรจาระหว่างยูเครนและรัสเซียมีความคืบหน้า
  • ตลาดหุ้นจับตาการประชุมเฟด คาดขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก แต่ไม่แรงเท่าที่คาดไว้ก่อนหน้า
  • ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปีดีดตัวแตะ 2.08% ทำลายสถิติสูงสุดตั้งแต่ ก.ค.62

เมื่อเวลาประมาณ 21.55 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,338.61 จุด เพิ่มขึ้น394.42 จุด หรือ +1.20% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 12,888.85 จุด เพิ่มขึ้น 45.04 จุด หรือ +0.35% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,244.49 จุด เพิ่มขึ้น 40.18 จุด หรือ +0.96%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับขึ้นในแดนบวก หลังตลาดดิ่งลงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา จับตาการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนในวันนี้ รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 มี.ค.นี้

นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นสะสม หลังคาดหวังว่าการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนจะประสบความคืบหน้ามากขึ้น อย่างไรก็ดี นายมิไคโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ระบุว่า การเจรจาสันติภาพรอบที่ 4 ระหว่างยูเครนและรัสเซียในวันนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ก็มีความคืบหน้า

ขณะเดียวกัน ตลาดมีการคาดการณ์ว่า การประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 15-16 มี.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ในปีนี้ จะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดนับตั้งแต่ปี 2561 แต่การปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจจะน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ก่อนหน้าที่ 0.5% ทั้งนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวแตะระดับ 2.08% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2562 ราคาทองฟิวเจอร์ร่วงลงเกือบ 20 ดอลลาร์ หลุดระดับ 1,970 ดอลลาร์ โดยนักลงทุนพากันเทขายทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งเกือบ 5% หลุดระดับ 104 ดอลลาร์สหรัฐฯ