ดัชนีดาวโจนส์ ปรับตัวลดลงดว่า 90 จุด ตลาดอยู่ในช่วงปรับฐานรอทิศทางเศรษฐกิจฟื้น



. ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐอยู่ระหว่างปรับฐานรอบใหม่ หลังขึ้นไปทำนิวไฮช่วงก่อนหน้า
.นักลงทุนซื้อขายหุ้นรายกลุ่มสลับไปมารอสัญญาณทิศทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน
.ภาพรวมตลาดแรงงานดีขึ้น ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกต่ำสุดตั้งแต่เริ่มมีโควิด-19

เมื่อเวลา 21.50 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,040.18 จุด ลดลง 97.13 หรือ 0.28% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,981.15 จุด เพิ่มขึ้น 30.93 จุด หรือ 0.2% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ4,172.02 จุด ลดลง 1.40 จุด หรือ -0.03%

ตลาดหุ้นสหรัฐในสัปดาห์นี้ผันผวนขึ้นลงตลอดทั้งสปดาห์ โดยเปิดตลาดวันนี้ดัชนีปรับลดลงอีกครั้ง หลังปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงวานนี้ โดนนักลงทุนยังติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ทั่วโลก ทิศทางการพื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจน รวมทั้ง รอเก็งกำไรผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาแรกที่จะทยอยออกมา

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมยังคงเห็นการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 547,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 603,000 ราย ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐยังรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลงสู่ระดับ 3.67 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.2563

ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงรอผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 27-28 เม.ย.เพื่อที่จะมองหาความชัดเจนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางการดำเนินนโยายการเงิน และอัตราดอกเบี้ยในช่วงต่อไปของเฟด หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อ มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นเร็วกว่าที่คาด

ด้านเศรษฐกิจโลก ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและวงเงินในการซื้อพันธบัตรในการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ โดยที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

นอกจากนี้ ECB มีมติคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ไว้ที่ 1.85 ล้านล้านยูโร จากก่อนหน้านี้ ECB ระบุในเดือนมี.ค.ว่า ECB จะเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรในไตรมาส 2 เพื่อทำให้อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ เพื่อรองรับผลกระทบจากโควิด-19