ดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนไหวลดลงเล็กน้อยกว่า 10 จุด กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด



.ตลาดหวั่นดอกเบี้ยขาขึ้นมาก่อนกำหนด หลังตัวเลขอัตราว่างงานของสหรัฐฯ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
.นักลงทุนบางส่วนยังขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่มีแรงซื้อกลุ่มพลังงาน-ธนาคารเพิ่มขึ้น
. ดัชนีแนสแด็กเริ่มฟื้นตัว กลับมายืนได้ในแดนบวก หลังร่วงแรงต่อเนื่อง

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 36,225.94
จุด ลดลง 10.53 จุด หรือ -0.03% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 15,119.71 จุด เพิ่มขึ้น 38.84 จุด หรือ +0.26% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,701.36 จุด เพิ่มขึ้น 5.31 จุด หรือ +0.11%


ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวผันผวน หลังลดลงต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า นักลงทุนบางส่วนยังคงขายหุ้นออกมา เพื่อลดความเสี่ยง โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1.76% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นขานรับอัตราว่างงานของสหรัฐต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง


อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ย เช่น ธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังราคาน้ำมันพุ่งขึ้น รวมทั้งมีแรงช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับลดลงแรงก่อนหน้า


ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยวันนี้ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 199,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 422,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.9% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.1%


ทางกระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 249,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 210,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนต.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 648,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 546,000 ตำแหน่ง


ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน นับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 4.7% เมื่อเทียบรายปี
ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐ ซึ่งแสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด อยู่ที่ระดับ 61.9%