“ชูวิทย์”ฝากถึงพรรคก้าวไกล รักษาอุดมการณ์มั่นคง อย่าหลงเล่นการเมืองยุค 2G

  • 2 เสียงชาติพัฒนากล้า
  • แลก 14 ล้านเสียง ได้ไม่คุ้มเสีย

เมื่อเวลา 20.02 น. ของวันที่ 20 พฤษภาคม 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ รวมถึงประเด็นดราม่าเมื่อวานที่ผ่านมา (19 พฤษภาคม 2566) กรณีดึงพรรคชาติพัฒนากล้า เข้าร่วม จนได้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนจำนวนมากในโซเชียลมีเดีย จนต่อมามีการแถลงจากพรรคก้าวไกลว่าจะไม่มีการร่วมกับพรรคชาติพัฒนากล้า ซึ่ง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็โพสต์ข้อความขอโทษประชาชน ขณะเดียวกัน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ในฐานะประธานพรรคชาติพัฒนากล้า แถลงข่าววันนี้ว่า พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายติดต่อมา แต่เมื่อไม่ร่วมแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร พร้อมขอบคุณที่พรรคก้าวไกลขอโทษพรรคชาติพัฒนากล้า

นายชูวิทย์ ระบุว่า พรรคก้าวไกลได้คะแนนจากประชาชนที่ความศรัทธาล้วนๆ แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นที่ต้องอาศัยระบบหัวคะแนนและกระสุน พรรคก้าวไกลมีหัวคะแนนธรรมชาติ ลูกหลานคนในบ้านบอกเล่าให้พ่อแม่เลือก การดำรงอยู่ของพรรคก้าวไกลจึงต้องรักษาอุดมการณ์อย่างมั่นคงแน่นแฟ้น เพราะเป็นสมบัติเดียวที่มี

“การนำเอาพรรคชาติพัฒนากล้าที่มี นายกรณ์ จาติกวณิช เป็นแกนนำพรรค มีเสียงอยู่ 2 เสียง มาเติมเพื่อให้นายพิธา ได้เป็นนายกฯ มันได้ไม่คุ้มเสีย พรรคก้าวไกลตอบรับเสียงของประชาชน จนตอนดึกเมื่อคืนบอกลา 2 เสียง บางคนบอกว่าให้มองข้าม และรวมเสียงให้ได้มากที่สุด เพื่อจะพึ่งเสียงของ ส.ว. ให้น้อยที่สุด แต่คะแนน 14 ล้านเสียงเป็นยันต์ให้ก้าวไกลมั่นใจในเกมการขู่จากอำนาจเก่า ส.ว.ต้องการโหวตอย่างไรก็เป็นเรื่องของ ส.ว.หากเสนอ นายพิธา แล้วไม่ผ่าน ส.ว. ก็เสนอไปเรื่อยๆ จะอีกกี่ครั้งก็ได้ เพื่อทำให้เห็นว่า นายพิธา จะเป็นนายกฯ ได้ ย่อมมาจากบุญคุณของประชาชน ไม่ใช่บุญคุณของ ส.ว.”

นายชูวิทย์ ระบุต่อไปว่า อย่าหลงไปเล่นการเมืองยุค 2G เพราะจำนวน 313 เสียงที่รวมมา เกินครึ่งไปมากแล้ว ในขณะที่คู่แข่งยังใช้ 2G อยู่ อำนาจของกระแส 5G ที่พรรคก้าวไกลใช้อยู่ จะพัฒนาได้ทัน ในอีก 4 ปีข้างหน้าพรรคก้าวไกลจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเสมือนสึนามิการเมือง ได้ถึง 300 เสียง จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ไม่ต้องไปยืมจมูกคนอื่นหายใจ

ส่วนที่ว่า “พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค” แต่โซเชียลจะใหญ่ที่สุด พรรคก้าวไกลไม่จำเป็นต้องไปปวดเศียรเวียนเกล้ากับ MOU ที่พรรคร่วมติติงว่าเท่ากับเอานโยบายของก้าวไกลไปใส่ไว้ ก่อนที่นายชูวิทย์ จะทิ้งท้ายว่า ก้าวไกล คือ ผู้คนและการเดินทาง นี่แค่เริ่มต้น ผู้คนยังต้องเดินทางอีกไกล.