

- แนะนำใช้เช็กผ่านแอปจากที่บ้านมาไม่ต้องรอคิวคัดกรองหน้าศูนย์
- สามารถสกรีนคนเข้าห้างและตามติดตามได้หากติดโควิด
- ชู 100 มาตรการเข้มงวดความสะอาดและปลอดภัยให้ลูกค้ามั่นใจ
- ชีวิตวิถีใหม่ทำให้พฤติกรรมลูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
- ซื้อสินค้าที่จำเป็นมากกว่ากว่าซื้อเพื่ออารมณ์เหมือนยุคก่อนโตวิด-19
- ผลกระทบธุรกิจค้าปลีกหดตัวไปถึง 5 แสนล้านบาทจากมูลค่า 3.5 ล้านล้าน
นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ทางเดอะมอลล์กรุ๊ปได้เตรียมพร้อมสำหรับการเปิดศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้ สำหรับชีวิตวิถีใหม่ของธุรกิจค้าปลีกห้างสรรพสินค้าจะเปลี่ยนรูปแบบไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะมาตรการความปลอดภัยและสุขอนามัยที่เข้มงวดเพื่อให้คนไทยกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ
สำหรับมาตรการขั้นสูงสุดได้ครบครบทุกมิติ ซึ่งประกอบด้วย 5 มาตรการหลัก 34 มาตรการย่อย สำหรับลูกค้า และ 6 มาตรการเสริม 66 มาตรการย่อย สำหรับ 5 กลุ่มธุรกิจ รวม 100 มาตรการ โดยกลยุทธ์หลักที่เราทุ่มเทและให้ความสำคัญคือมาตรการสร้าง TMG TOUCHLESS SOCIETY หรือสังคมไร้สัมผัส ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ช้อปปิ้งและไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่นรับตั้งแต่การขับรถเข้าในที่จอดรถจนไปถึงขั้นตอนการชำระเงินซื้อสินค้าและบริการ
ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวจะเริ่มต้นตั้งแต่การเข้าไปในศูนย์การค้า ลูกค้าทุกคนจะต้องทำการเช็กอินเพื่อเข้าไปศูนย์ ซึ่งทำได้ 3 รูปแบบคือดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น MCARD ซึ่งปัจจุบันมีระบบกว่า 7 แสนราย ลูกค้าสามารถเช็กอินมาจากที่บ้านได้เลย ทันทีที่มาถึงแสดงแอปให้เจ้าที่หน้าที่และผ่านเข้าประตูได้เลยไม่ต้องรอคิวหน้าศูนย์ รูปแบบที่สองคือการเช็กอินผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ดและแอปพลิชั่นไลน์และวิธีสุดท้ายกรอกแบบฟอร์มหน้าศูนย์
นางสาววรลักษณ์กล่าวว่า ในช่วงแรกประเมินว่าลูกค้าจะมาใช้บริการในจำนวนที่ลดลงกว่าปกติ 30-40% โดยพฤติกรรมการซื้อสินค้าหลังวิกฤตโควิดได้เปลี่ยนแปลงไป ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าที่มีความจำเป็นมากกว่ากว่าการซื้อตามอารมณ์ซึ่งจะเป็นสินค้าใช้ในครัวและใช้ในบ้านยอดขายขึ้นท็อป 5 ซึ่งปกติจะมีสัดส่วนการขายเพียง 5-10% เท่านั้น และพฤติกรรมการช้อปจะมีความรวดเร็วขึ้นมีการวางแผนมาจากบ้านเป็นอย่างดี
สำหรับการปิดศูนย์การค้าไปตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ยอดขายรวมหายไปถึง 70-80% เพราะมีเพียงซูเปอร์มาร์เก็ตและช้อปออนไลน์เท่านั้น

ด้าน นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดิ เอ็มโพเรี่ยม กรุ๊ป และกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์ธุรกิจค้าปลีกของธนาคารไทยพาณิชย์ วิเคราะห์ว่า ตลาดค้าปลีก 2563 จะหดตัวราว 14% หรือคิดเป็นเม็ดเงินที่หายไปราว 5 แสนล้านบาท จากมูลค่าตลาดค้าปลีกปี 2562 ที่อยู่ราว 3.5 ล้านล้านบาท โดยมีผลกระทบจาก 3 ปัจจัยหลักๆ คือ จำนวนนักท่องเที่ยวที่หดตัวลง, กำลังซื้อที่ลดลง และสต๊อกสินค้าที่ขาดแคลน อาทิ สินค้านำเข้าจากจีน และกำลังการผลิตที่หดตัวลง
ซึ่งสถานการณ์ต่อไปทางเดอะมอลล์กรุ๊ปได้วางแผนธุรกิจเดินหน้าไปพร้อมชีวิตวิถีใหม่ซึ่งก้าวสู่ดิจิทัลอย่างเต็มตัว แต่รูปแบบของศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้ายังคงเป็นหลักอยู่ และจะทำให้แม้การช้อปออนไลน์จะเติบโตสูงมากแต่ยังถือว่าเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในต่างประเทศก็เช่นกันหรือแม้กระทั่งในจีน โดยกลยุทธ์ต่อไปจะพิจารณาตาม 3 ประเด็นหลัก คือการเข้มงวดในการดูแลสุขภาพ, การเว้นระยะห่างทางสังคมและการทำงานจากที่บ้าน ซึ่งทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง
“หลังการเปิดศูนย์การค้าเราจะเห็นภาพรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างิสิ้นเชิง พื้นที่ที่ศูนย์การค้าจะลดลงเหลือเพียง 50% หรือหากบริหารดีๆ อาจจะเหลือ 70% เพราะต้องเข้มงวดในมาตรการรักษาระยะห่างหรือ social distancing และมาตรการที่เข้มงวดที่นำมาใช้เพื่อความมั่นใจให้กับลูกค้าให้มากที่สุด”
ทางด้าน นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทางบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ล่าสุด ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ได้นำร่องนวัตกรรมต้นแบบลิฟต์ไร้การสัมผัส (Touchless Lift) ซึ่งกำลังทดสอบและพัฒนาต่อไป โดยมีวิธีการใช้ง่ายๆ เพียงลูกค้าใช้นิ้วผ่านเหนือปุ่มเซ็นเซอร์เพื่อไปยังชั้นที่ต้องการ ระบบก็จะทำงานทันทีโดยอัตโนมัติ โดยที่ลูกค้าไม่ต้องสัมผัสปุ่มกดใดๆ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการใช้ชีวิตวิถีใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 5 แกนหลักของมาตรการเซ็นทรัล