“ชวน” นำทีมแถลงตั้ง 21 คณะกรรมการสมานฉันท์ ดึงผู้แทนม็อบ 2 ฝ่าย ที่คิดต่าง ร่วมกันหาทางออกให้ประเทศ



ผู้สื่อข่าวาายงานว่า วันนี้ (24 พ.ย. 2563) นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา พร้อมด้วยพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน และนายวิรัช รัตนเศรษฐส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ประธานวิปฝ่ายรัฐบาล ได้ร่วมกันแถลงภายหลังการหารือร่วม 3 ฝ่าย ในการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบองค์ประกอบของกรรมการให้มีกรรมการทั้งสิ้น 21 คน อันประกอบไปด้วย

1. ผู้แทนฝ่ายผู้ชุมนุม 2 คน (กลุ่มเรียกร้องเห็นต่างกับรัฐบาล)

2. ผู้แทนรัฐบาล 2 คน

3. ผู้แทน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล 2 คน 

4. ผู้แทน ส.ส.ฝ่ายค้าน  2 คน

5. ผู้แทนสมาชิกวุฒิสภา 2 คน

6. ผู้แทนฝ่ายที่มีความเห็นอื่น 2 คน ( กลุ่มเรียกร้องเห็นด้วยกับรัฐบาล )

7. ผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย

– บุคคลซึ่งที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเสนอชื่อ 3 คน โดยคำนึงถึงตัวแทนให้ครอบคลุมถึงภูมิภาคต่างๆ

– บุคคลซึ่งที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเสนอ 1 คน

– บุคคลซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลเสนอ 1 คน

– ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์ในการทำงานด้านการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ 4 คน

– รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นเลขานุการ

– เจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 4 คน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

ทั้งนี้ นายชวน กล่าวว่า สำหรับการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ จะมีหน้าที่ศึกษารูปแบบการสร้างความปรองดองโดยไม่จำเป็นต้องรอให้ครบองค์ประกอบทั้งหมด 21 คน โดยหลังจากนี้จะให้ฝ่ายเลขาแจ้งให้แต่ละฝ่ายได้รับทราบเพื่อส่งผู้แทนเข้าร่วมการประชุมกรรมการสมานฉันท์เพื่อเริ่มเดินหน้าทำงานได้ทันที 

ส่วนประธานกรรมการสมานฉันท์ ขึ้นอยู่กับที่ประชุมกรรมการสมานฉันท์พิจารณาจากกรรมการสมานฉันท์ด้วยกันเองส่วนจะมีภาระหน้าที่และรูปแบบการพิจาณาแก้ไขปัญหาอย่างไรนั้น ให้กรรมการมีการประชุมปรึกษาหารือกันก่อนและจากการลงพื้นที่พบปะรับฟังความเห็นประชาชนในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ประชาชนต่างก็เห็นด้วยหากกรรมการสมานฉันท์สามารถทำให้บ้านเมืองเป็นไปอย่างสงบได้

“ต้องยอมรับว่า ความขัดแย้งและความเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางเรื่องมันป้องกันได้เพราะฝ่ายการเมืองอย่างเราๆ รู้ดีว่าบางเรื่องมันเกิดขึ้นเพราะอะไร ซึ่งมันสามารถป้องกันได้โดยการสร้างเงื่อนไขไม่ให้มันเกิดขึ้นมาอีก แต่ก็ต้องยอมรับว่าในอนาคต เราไม่รู้ว่าความขัดแย้งจะเป็นเรื่องอะไร แต่เรารู้ปัญหาในอดีต ซึ่งก็ต้องป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพื่อลดปัญหาในอนาคต ส่วนปัญหาในอนาคตมันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งไม่มีทางรับรู้ได้เหมือนเทคโนโลยีโลกโซเชียลมีเดียยุคใหม่ แม้จะมีคุณค่ามากมาย แต่ก็มีโทษอย่างร้ายแรงหากใช้ไปในทางที่ผิด แต่หากใช้ในทางปรองดองก็จะทำให้เกิดความเข้าใจ และหากใช้ไปในทางที่ผิดก็จะทำให้เกิดความขัดแย้งเช่นกัน ซึ่งเรื่องแบบนี้ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้โดยตรงจะเข้ามามีส่วนร่วม” นายชวน กล่าว

ทั้งนี้ได้มีผู้สื่อข่าวสอบถามว่า คาดหวังกับกรรมการสมานฉันท์ชุดนี้ไว้อย่างไรบ้าง นายชวน กล่าวว่า ตนได้แจ้งต่อที่ประชุมวิปทั้ง 3 ฝ่ายแล้วว่าไม่ได้เล็งผลเลิศว่า จะต้องเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนทันทีทันใด แต่หวังว่าเป็นสิ่งที่ดี ที่ได้มีช่องทางได้ให้ทุกฝ่ายมาพูดคุยกันในปัญหาที่เกิดขึ้น

โดยเมื่อถามว่า หากผู้ร่วมชุมนุมไม่เข้าร่วมเป็นกรรมการจะทำอย่างไร นายชวน กล่าวยืนยันว่า ไม่มีปัญหา แต่รัฐสภายังต้องทำหน้าที่ไปตามภารกิจต่อไป หากไม่เข้าร่วมก็ทำหน้าที่ไปเท่าที่มีอยู่ไปก่อน แต่พยายามจะให้มีทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม และต้องให้เวลาแต่ละฝ่ายในการตัดสินใจ

อย่างไรก็ตามกรรมการชุดนี้ เป็นกรรมการชุดแรกจากทั้งหมด 2 ชุด ซึ่งชุดที่ 2 จะเป็นกรรมการสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมด โดยมอบหมายให้สถาบันพระปกเกล้าพิจารณา ซึ่งในรูปแบบที่ 2 นี้ได้มีการหารือกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง อดีตนายกรัฐมนตรีแล้ว ทุกฝ่ายให้ความเห็นในทางที่เป็นบวก และสนับสนุนให้เดินหน้าแก้ไขปัญหานี้ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะไปเชิญแต่ท่านมาร่วมเป็นกรรมการ ซึ่งสัดส่วนกรรมการหลังจากนี้จะเป็นใครนั้นจะมีการหารือกันอีกครั้งกับองค์กรภาคส่วนต่างๆ

ด้านนายสุทิน กล่าวว่า กรรมการสมานฉันท์ชุดนี้พอมีความหวังอยู่บ้าง ที่จะแก้ไขปัญหาสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มีการเชิญตัวแทนทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมโดยเฉพาะฝ่ายผู้ชุมนุม และคนที่คิดต่างกับฝ่ายผู้ชุมนุม ซึ่งในอดีตโครงสร้างกรรมการปรองดองจะไม่มีส่วนนี้ ซึ่งหลังจากนี้เชื่อว่าผู้ชุมนุมคงจะได้มีการพิจารณาอีกครั้งว่า จะเข้าร่วมหรือไม่ แต่ก็อยากให้ฟังดูก่อน เช่นเดียวกับฝ่ายค้านที่หลังจากนี้จะมีการหารือกันว่า จะส่งตัวแทนเข้าร่วมหรือไม่ 

“อย่างน้อยๆวันนี้ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และ ส.ว.ได้ร่วมวางกรอบ สำหรับหน้าที่ของกรรมการชุดนี้จะเน้นไปที่การศึกษาในปัญหาต่างๆ เพื่อเสนอแนะเป็นแนวทางให้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทั้งหมดไปพิจารณาแก้ปัญหา ทั้งปัญหาเฉพาะหน้า และป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นปัญหานี้ขึ้นอีกในอนาคต” นายสุทิน กล่าว