

- หวังให้สอดคล้องสนธิสัญญาลิขสิทธิ์-เพิ่มประสิทธิภาพแก้ละเมิดบนเน็ต
- ชี้เพิ่มความคุ้มครองภาพถ่าย-เอาผิดคนผลิต ขายอุปกรณ์แฮ็กข้อมูล
- ใช้ Notice&Takedown ถอดงานละเมิดออกจากเน็ตโดยไม่ต้องฟ้องศาล
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฏรวันที่ 27 ม.ค.นี้ จะมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่..) พ.ศ…. ซึ่งเป็นร่างที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ซึ่งตนจะชี้แจงหลักการและเหตุผลของการเสนอร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ฉบับใหม่นี้ เป็นการแก้ไขพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ฉบับเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับสนธิสัญญาว่าด้วยลิขสิทธิ์ขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (ไวโป) ที่ไทยกำลังจะเข้าเป็นสมาชิกสนธิสัญญาลิขสิทธิ์ รวมถึงปรับปรุงเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพของการบังคับใช้กฎหมายในการแก้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์บนอินเตอร์เน็ต และป้องปรามการค้าอุปกรณ์และบริการที่เกี่ยวข้องกับการแฮ็กข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต
สำหรับสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ จะเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเรื่องอายุความคุ้มครองภาพถ่ายให้สอดคล้องกับสนธิสัญญาลิขสิทธิ์ของไวโป ที่กำหนดให้ภาพถ่าย ต้องได้รับความคุ้มครองตลอดอายุของผู้สร้างสรรค์และคุ้มครองต่อไปอีก 50 ปีหลังมีผู้สร้างสรรค์เสียชีวิต จากเดิมจะคุ้มครอง 50 ปีหลังจากผู้สร้างสรรค์เสียชีวิตแล้ว
นอกจากนี้ ยังให้ยกเลิกกรณีที่เจ้าของลิขสิทธิ์ เมื่อพบว่า งานอันมีลิขสิทธิ์ของตนถูกละเมิดบนอินเตอร์เน็ต ต้องยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้บริการอินเตอร์เน็ต (ไอเอสพี) นำงานที่อ้างว่าละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากอินเตอร์เน็ต แต่กฎหมายใหม่ ให้ใช้กระบวนการแจ้งเตือนและนำออก (Notice and Takedown) มาใช้แทน โดยหากเจ้าของลิขสิทธิ์พบงานตนเองถูกละเมิด สามารถแจ้งไอเอสพีให้ถอดข้อมูล หรืองานที่ถูกละเมิดออกจากระบบได้เลย
ขณะเดียวกัน ยังกำหนดฐานความผิดและลงโทษผู้ที่ให้บริการ ผลิต ขาย หรือแจกจ่าย บริการ ผลิตภัณฑ์ หรืออุปกรณ์ที่ทำให้มาตรการทางเทคโนโลยีไม่เกิดผล (อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการแฮ็กข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต)
“การแก้ไขร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว จะทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์งานภาพถ่ายได้รับความคุ้มครองที่ยาวนานมากขึ้น ส่วนการเข้าเป็นสมาชิกสนธิสัญญาว่าด้วยลิขสิทธิ์ จะช่วยยกระดับความคุ้มครองงานลิขสิทธิ์ของไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ที่สำคัญจะทำให้สามารถแก้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์บนอินเตอร์เน็ตรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาของศาล”