“จุรินทร์” สั่งคุมเข้มหน้ากากอนามัยทางการแพทย์



  • หลังทุกจังหวัดบังคับประชาชนใส่ตอนออกจากบ้าน 
  • หวั่นผู้ค้าฉวยโก่งราคาขายเอาเปรียบผู้บริโภค 
  • กรมการค้าภายในลั่นปริมาณเพียงพอ-วัตถุดิบไม่ขาด 

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ที่รุนแรงมากขึ้น จนส่งผลให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ  ออกมาตรการกำหนดให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกจากที่อยู่อาศัยนั้น  นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้มอบหมายให้กรม และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ ตรวจสอบและติดตามสถานการณ์หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้ผู้ค้าฉวยโอกาสเอาเปรียบประชาชน ในช่วงที่ความต้องการเพิ่มขึ้นมากเช่นนี้ 

“กรมได้ประชุมร่วมกับผู้ผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เพื่อติดตามสถานการณ์การผลิต ซึ่งพบว่า ปัจจุบันยังคงมีหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า และหน้ากากทางเลือกในตลาดปริมาณมาก และวัตถุดิบยังคงมีเพียงพอ แม้ความต้องการใช้เพิ่มขึ้นมาก แต่ผู้ผลิตบางราย ยังมีวัตถุดิบและหน้ากากอนามัย พร้อมที่จะส่งมอบ ซึ่งได้สั่งการให้ผู้ผลิตแจ้งปริมาณที่พร้อมส่งมอบ หรือกำลังผลิตที่ยังคงเหลืออยู่มาที่กรมหากพื้นที่ใดมีไม่เพียงพอ จะได้ประสานจัดส่งไปเสริมได้ทันที”

นอกจากนี้ ยังได้ขอให้ผู้ผลิตหน้ากากอนามัย ดำเนินการผลิตอย่างเต็มที่ และได้เน้นย้ำว่า หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เป็นสินค้าควบคุม ต้องจำหน่ายตามราคาที่กำหนดไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาท หากพบว่ามีการจำหน่ายเกินกว่าราคาที่กำหนด จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด โดยจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ หรือกรณีที่ไม่ติดป้ายแสดงราคา มีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท ผู้พบเห็นการเอารัดเอาเปรียบ แจ้งได้ที่สายด่วนกรมโทร. 1569 อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจราคาในท้องตลาด พบว่า ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ชิ้นละ 1.90 – 2.50 บาท