“จุรินทร์” ของบ 8 หมื่นล้านประกันรายได้ข้าวเปลือกปี 3



  • ย้ำเหตุขอเพิ่มหลังคาดผลผลิตข้าวเพิ่มจากปีก่อน 5% 
  • ตั้งราคาประกันข้าว 5 ชนิด-ราคาประกันเท่าโครงการปี 2 
  • ลุยส่งออกทั้งจีทูจี-เอกชนหลังครึ่งแรกส่งออกข้าวลดฮวบ 

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาดว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีที่ 3 ฤดูกาลผลิตปี 64/65 พร้อมมาตรการคู่ขนานเพื่อพยุงราคาข้าวเปลือก โดยใช้กรอบงบประมาณดำเนินการ 80,000 ล้านบาท และมาตรการคู่ขนานอีก 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน วันที่ 23 ส.ค.นี้ พิจารณาเห็นชอบ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป ส่วนสินค้าเกษตรอีก 4 ชนิด คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง และยางพารา จะเดินหน้าโครงการปีที่ 3 ต่อเนื่องเช่นกัน 

โดยกรอบงบประมาณที่ขอสูงขึ้นจากปี 2 ฤดูการผลิตปี 63/64 ที่ตั้งไว้ 48,000 ล้านบาท เนื่องจากคาดการณ์ว่า ปริมาณข้าวปี 64/65 ที่ จะมีมากถึง 26 ล้านตันข้าวเปลือก เพิ่มจากปีก่อน 5% หลังจากมีแรงงานในเมืองกลับไปทำนาที่บ้านเกิดจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม งบที่ขอไว้ 80,000 ล้านบาท เป็นเพียงการขอกรอบงบประมาณเผื่อไว้ แต่ใช้จริงอาจจะไม่ถึง เช่น โครงการประกันรายได้ปาล์มน้ำมันขอกรอบไว้ 10,000 ล้านบาท แต่ในความเป็นจริงไม่ต้องใช้เลย เพราะราคาปาล์มสูงกว่าราคาประกัน  

สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 3 ยังคงกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการประกันราคาเช่นเดิม โดยกำหนดชนิดที่จะประกันรายได้ เป็น 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ กำหนดราคาประกันรายได้ที่ตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท   

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับเอกชนเร่งรัดการส่งออกข้าวเพิ่มเติม เพื่อรองรับผลผลิตที่กำลังออกมาในอนาคต ทั้งการส่งออกข้าวแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศ จะเร่งรัดเจรจากับจีนเพื่อให้นำเข้าข้าวจากไทยในส่วนที่เหลืออีก 280,000 ตัน จากสัญญา 1 ล้านตัน รวมถึงเร่งเจรจาภายใต้ความตกลงที่ลงนามไว้กับรัฐบาลบังคลาเทศ และอินโดนีเซีย ประเทศละ 1 ล้านตัน ซึ่งเชื่อว่า แนวโน้มส่งออกข้าวไทยครึ่งปีหลังจะดีขึ้น เพราะราคาข้าวไทยแข่งขันกับคู่แข่งได้แล้ว อีกทั้งยังได้อานิสงส์จากค่าเงินบาท ที่อ่อนค่า ซึ่งทราบว่าในเดือนส.ค.นี้มีการขออนุญาตส่งออกเพิ่มอีก 570,000 ตัน โดยมีเป้าหมายส่งออกปีนี้ที่ 6 ล้านตัน ส่วนช่วง 6 เดือน ส่งออกได้แล้ว 2.17 ล้านตัน ลดลง 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 63