“จีซี” ย้ำไม่ได้รับผลกระทบกรณีจีน แบนพลาสติก



  • มีเป้าหมายยกเลิกการผลิต HDPE Film ใช้ครั้งเดียวในปี2565
  • เดินหน้าไม่หยุดยั่งสร้างความยั่งยืน
  • ลดก๊าซเรือนกระจก-นำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน มาปรับใช้

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC  เปิดเผยว่า จากกรณีมาตรการที่จีนจะแบนพลาสติกนั้น  เชื่อว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อการขายผลิตภัณฑ์ของ GC เนื่องจาก GC มีเป้าหมายที่จะยกเลิกการผลิต HDPE Film for Single-use plastics หรือการผลิตพลาสติกฟิล์มที่ใช่ครั้งเดียว ให้หมดภายในปี 2565 และวางแผนขยายตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Product: HVP) ในช่วงปี 2565-2568 เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความต้องการในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาค CLMV ที่มียอดขายมากกว่า 250,000 ตันต่อปี 

สำหรับตลาดจีนนั้น ในปี 2562 GC มียอดขายเม็ดพลาสติก โพลิเอทิลีน (PE) ในตลาดจีนประมาณ 620,000 ตันต่อปีจำนวนนี้เป็น HDPE ประมาณ 186,000 ตันต่อปี โดยเป็น HDPE Film ประมาณ 76,000 ตันต่อปี GC ได้จัดแผนการลด HDPE Film for single use ตั้งแต่ปี 2561

นายคงกระพัน  กล่าวว่า สิ่งที่ GC มุ่งเน้นเพื่อสร้างความยั่งยืนมี 2 ประเด็นหลัก คือ การลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และการนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาปรับใช้ ซึ่งครอบคลุมใน 3 ส่วนหลักได้แก่ Smart Operating: สร้างธุรกิจรูปแบบใหม่ที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและนำมาหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ส่วนResponsible Caring: เป็นการพัฒนา ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความยั่งยืน เพื่อลดการใช้ทรัพยากรและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเกิดประสิทธิภาพการใช้งานยาวนานมากที่สุด โดยไม่ผลิตสิ่งที่ใช้แล้วทิ้ง และ Loop Connecting: เพิ่มพลังความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสีย และเชื่อมต่อธุรกิจให้ครบวงจร โดยขยายความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชน และเชื่อมต่อธุรกิจให้ครบวงจรในโครงการ Upcycling by GC อาทิ โครงการเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่คุ้งบางกะเจ้า โดย GC สนับสนุนในด้านการจัดการขยะ และยังได้ร่วมกับวัดจากแดงในการผลิตจีวรจากพลาสติกรีไซเคิล โครงการธนาคารทิ้ง-ไซเคิล  โครงการ Waste This Way ร่วมจัดการขยะในงานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 74 สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้จำนวน 18,121 กิโลกรัม เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ จำนวน 2,013 ต้น โครงการทดสอบและพัฒนาต่อยอดเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ที่ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ กับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศให้กับประชาชน เป็นต้น

ทั้งนี้ GC มุ่งมั่นในการผลิตเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีเป้าหมายชัดเจนในด้านการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากกระบวนการผลิตของบริษัทฯ โดยตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20% ใน 10 ปีข้างหน้า หรือในปี 2573 เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดปัญหาภาวะโลกร้อน สอดคล้องกับเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย และยังตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 52% ภายในปี 2593 เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของโลกในการควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ GC ดำเนินการผลิต ได้รับการรับรองเครื่องหมาย Carbon Footprint และ Carbon Footprint Reduction จาก องค์การก๊าซเรือนกระจก (TGO) อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน รวมทั้ง GC มีการวางเป้าหมายที่จะมีผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษและผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มเป็น 30% ภายในปี 2573 และยกเลิกการผลิตเม็ดพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งใน 5 ปีข้างหน้าต่อไป นอกจากนี้ GC ยังได้รับการจัดอันดับ เป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices) หรือ DJSI ปี 2019 โดยได้รับคะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลกด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วย Percentile 100 และอยู่ในระดับ Top 10 ของ DJSI World และ Emerging Markets ในกลุ่มเคมีภัณฑ์ (Chemical Sector) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7