

- ชี้จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงกับผู้ก่อเหตุบ้าง
- เหตุทำให้ประชาชน-เจ้าหน้าที่ได้รับความเดือดร้อน
วันที่ 7 ก.ย.2564 พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า การนัดหมายชุมนุม ในวันนี้ 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย นำโดย นาย นายนันทพงศ์ ปานมาก มีการ นัดหมายเวลา 10.00 น. หน้าทำเนียบรัฐบาล ประตู1 กลุ่มของนาย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. นัดรวมตัวเวลา 16.00 น. จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ บริเวณแยกราชประสงค์ เพื่อเคลื่อนไปยังแยกอโศก กลุ่มทะลุฟ้า ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นัดหมายเวลา 16.00 น.และกลุ่มทะลุแก็ส บริเวณสามแยกดินแดงนั้น
ทั้งนี้ขอเตือนว่า กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ที่ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดโดยการกระทำดังกล่าว ถือมีความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ,พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อฯ และความผิดอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาลมีการจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวก และรักษาความสงบ การจราจรให้แก่ประชาชน
ส่วนการชุมนุมเมื่อวานนี้ กลุ่มของนาย ณัฐวุฒิ บริเวณแยกอโศก ไม่มีความรุนแรงแต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่จับกุมรถเครื่องเสียง 1 คัน พร้อมผู้ต้องหาอีก 3 คนและกลุ่มทะลุแก็ส มีการละเมิดกฎหมาย ปิดการจราจร ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน รวมถึงขว้างปาสิ่งของ ลูกแก้ว ระเบิดแสวงเครื่อง ไปป์บอม ระเบิดเพลิง พลุเพลิง พลุไฟ ใส่สถานที่ราชการ และเอกชน อีกทั้งมีการจุดเพลิง วางเพลงเผาทรัพย์ ในหลายๆจุดรอบสามเหลี่ยมดินแดง โดยเฉพาะตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้าของอุโมงค์ลอดใต้สามเหลี่ยมดินแดง ประกอบด้วย ระบบการควบคุมไฟฟ้า แสงสว่าง พัดลมระบายอากาศ (ระบบระบายน้ำ และ วัดระดับน้ำ) และระบบกล้องวงจรปิดภายในอุโมงค์ จนได้รับความเสียหายทั้งหมด ก่อให้เกิดอันตรายกับประชาชนที่ต้องสัญจรอุโมงค์ดังกล่าว ซึ่งช่วงที่มีฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ โดยขณะนี้ สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร อยู่ระหว่างตรวจสอบความเสียหาย และเตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ
“ความรุนแรงเหล่านี้ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องมีการบังคับใช้กฎหมาย เนื่องจากกลุ่มเหล่านี้ไม่ใช่ผู้ชุมนุมททางการเมืองแต่อย่างใด เป็นผู้ก่อความวุ่นวาย และเป็นบุคคลอันตรายต่อประชาชน โดนก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่มีการแจ้งเตือนให้หยุดการกระทำดังกล่าวเป็นระยะๆ แต่กลุ่มผู้ที่ก่อเหตุ ไม่หยุดกระทำ เจ้าหน้าจึงเข้าไปปฏิบัติตามยุทธวิธี สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 18 ราย พบเป็นเยาวชน 9 ราย พร้อมตรวจยึดรถจักรยานยนต์ 30 คัน โดยผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนเจ้าหน้าที่จะมีการเรียกผู้ปกครอง หาก ปล่อยปละละเลยก็จะถูกดำเนินคดีฐานฝ่าฝืน พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ ยืนยันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ดำเนินการตามกฎหมาย และตามมาตรฐานสากล พร้อมฝากเตือนประชาชนที่จำเป็นต้องสัญจรในบริเวณดังกล่าว ขอให้เลี่ยงเส้นทางในห้วงเวลานั้น เนื่องจากอาจจะเกิดอันตรายได้ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถแยกว่าผู้ใดเป็นผู้ใด”
ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน ขับขี่รถจักรยานยนต์ ชนประชาชน มีการถีบทำให้รถล้ม ใช้กระบองตี จนกระบอกศีรษะเปิด ยืนยันว่าเป็นการนำภาพอุบัติเหตุของรถจักรยานยนต์ในอดีตมาเผยแพร่ ทำให้สังคม เกิดความเข้าใจผิด โดยทางกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) อยู่ระหว่างการสืบสวน 4 บัญชี ที่นำเข้าข่าวปลอมดังกล่าว ว่าเป็นบัญชีของบุคคลใด และเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ หากพบพยานหลักฐาน ก็จะดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ต่อไป