

- อนุฯ เอฟที กกพ.เห็นชอบลดค่าไฟฟ้างวด 2/66
- “กุลิศ” เชื่อ กกพ.เห็นชอบแน่
- ลดจาก 4.77 บาท เหลือ 4.70 บาท/หน่วย
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. กล่าวว่า อนุกรรมการค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที ) ในวันศุกร์นี้ จะพิจารณาเรื่องการปรับลดค่าไฟฟ้าเอฟทีสำหรับ งวดที่2/66 (พ.ค.-ส.ค.66 ) ตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เสนอขอรับภาระยืดหนี้การชำระค่าไฟฟ้าที่รับภาระแทนประชาชนไปก่อนจาก 2 ปี เป็น 2ปี 4 เดือน ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยงวดที่2 ของปีนี้ เดือนพ.ค.-ส.ค. ลดลงจาก 4.77 บาทเป็น 4.70 บาท/หน่วย ซึ่งอนุกรรมการฯมีตัวแทนจากกระทรวงการคลัง ที่ดูแลเรื่องวินัยการเงินการคลังและหนี้สิน ร่วมอยู่ด้วย หาก ได้รับความเห็นชอบก็จะประกาศลดค่าไฟฟ้าต่อไป
โดยหนังสือที่ กฟผ.ยืนยันจะยืดหนี้นั้นระบุว่า สำหรับงวดที่ 2/66 นี้ สามารถจัดการถ้านสภาพคล่องได้ แต่สำหรับงวด3/66 (ก.ย.-ธ.ค.) อาจจะเกิดปัญหาสภาพคล่องไม่สามารถที่จะยืดหนี้ได้อีก ระบบหรือประชาชนก็จะต้องคืนหนี้แก่กฟผ. โดยหนี้วงเงินเต็มนั้น อยู่ที่ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท และมีการคืนหนี้ในงวดที่ 1 /66 (ม.ค.-เม.ย.) ไปแล้ววงเงินประมาณ 20,000 ล้านบาท
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน และประธานคณะกรรมการ กฟผ. เปิดเผยว่า กฟผ.ได้ทำหนังสือ ยืนยันไปยัง กกพ. และเชื่อว่า กกพ.จะเห็นชอบปรับลดค่าไฟฟ้า เอฟที งวดที่ 2 โดยต้องยอมรับว่า ในขณะนี้อากาศร้อนจัดประชาชนเปิดแอร์ดับร้อนกันเป็นจำนวนมาก ส่งผลเกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของปีนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อค่ำวานนี้ (19 เม.ย.66 ) เวลา20.44 น.ที่32,212.5 เมกะวัตต์ ซึ่งค่าไฟฟ้าเมืองไทยเป็นอัตราก้าวหน้ายิ่งใช้หน่วยจำนวนมากก็ยิ่งจ่ายแพง โดยค่าไฟงวดนี้ (ม.ค.-เม.ย.66) ค่าไฟฟ้าบ้านที่อยู่อาศัยเฉลี่ยที่ 4.72 บาท/หน่วย และยังมีเงินช่วยเหลือจากรัฐลดพิเศษให้ผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน
ส่วนงวดที่ 2 ในขณะนี้กำลังพิจารณาว่าจะมีส่วนใดมาช่วยเหลือเพิ่มเติมได้หรือไม่ นอกเหนือจากการยืดหนี้ของ กฟผ. เพราะจากการหารือกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า ไม่มีงบประมาณเพียงพอในการอุดหนุนค่าไฟฟ้าที่คาดว่าจะใช้งบราว 8,000 ล้านบาท รวมทั้งในขณะนี้ก็ได้มองไปถึงงวดถัดไป (งวด 3/66 เดือน ก.ย.-ธ.ค.)ว่าจะทำอย่างไรให้ต้นทุนต่ำที่สุด โดยมอบให้ บมจ.ปตท.เร่งนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว หรือแอลเอ็นจีที่ขณะนี้ราคาต่ำ11-13 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู มาสำรองไว้ได้หรือไม่ โดยต้องยอมรับว่างวดที่ 1 /66 นั้นราคาแอลเอ็นจีสูงมากอยู่ที่ประมาณ 47 เหรียญ/ล้านบีทียู
“ต้องยอมรับว่าค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้นเกิดจากปริมาณก๊าซธรรมชาติอ่าวไทยลดลงเพราะมีการผลิตและนำมาใช้นานถึงกว่า 40 ปีแล้ว ประกอบกับช่วงการเปลี่ยนผ่านแหล่งก๊าซเอราวัณจากผู้ผลิตรายเก่ามาเป็นรายใหม่ ผลิตได้ต่ำกว่าแผนงาน ต้องนำเข้าแอลเอ็นจีมาผลิตไฟฟ้าทดแทน และยังเกิดผลกระทบหนักจากราคาพลังงานตลาดโลกก็สูงขึ้นมากในปีที่แล้วจากผลกระทบสงครามรัสเซีย–ยูเครน โดยกระทรวงพลังงานได้วางแนวทางลดภาระทุกด้าน แต่สุดท้ายราคาก็ต้องสะท้อนตลาดโลกด้วย ก็ต้องขอความร่วมมือทุกฝ่ายประหยัดพลังงานเพื่อลดภาระรายจ่ายให้ต่ำที่สุด“