

- มั่นใจเฟส2ครอบคลุมประชาชนมากขึ้น
- ชี้รัฐบาลมีมาตรการดูแลประชาชนทุกกลุ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ขอชี้แจงประเด็นข้อวิจารณ์ถึงการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งว่า โครงการคนละครึ่ง มีจุดประสงค์เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ในลักษณะการร่วมจ่ายรัฐกับประชาชนคนละ 50% ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายจึงกำหนดกลุ่มผู้ที่พอจะมีรายได้เพื่อมาร่วมจ่ายกับรัฐ ซึ่งได้มีการตั้งเป้าหมายไว้ที่ 10 ล้านคน
ทั้งนี้องค์ประกอบที่สำคัญของโครงการ คือ ระบบการใช้จ่ายด้วยแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” ที่ต้องมีการยืนยันตัวตนเพื่อประโยชน์แก่ผู้ใช้ให้มั่นใจว่าไม่มีผู้อื่นมาใช้สิทธิแทน และมีการใช้จ่ายจริงตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ทั้งนี้ เนื่องจากในการลงทะเบียนรอบเพิ่มเติม 2 ครั้งที่ผ่านมาเพื่อให้ครบจำนวน 10 ล้านสิทธิ มีประชาชนที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการอีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จึงมอบให้กระทรวงการคลังพิจารณาขยายโครงการคนละครึ่ง ซึ่งกระทรวงการคลังจะเร่งพิจารณาแนวทางการดำเนินโครงการคนละครึ่งระยะที่ 2 ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นและสอดคล้องกับงบประมาณที่สามารถจัดสรรได้ รวมทั้งจะพัฒนาระบบต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ร้านค้าและประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้โครงการนี้ยังเป็นการสร้างการเรียนรู้ให้กับประชาชนจนถึงระดับฐานราก ให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและพัฒนาให้สังคมไทยเดินหน้าสู่ดิจิทัล โซไซตี้ (Digital Society) ขณะเดียวกันยังเป็นการลดการใช้เงินสด ทำให้การดำเนินโครงการโปร่งใส รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ประกอบด้วย 3 โครงการได้แก่ 1. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 14 ล้านคน โดยเพิ่มเงินให้คนละ 500 บาท 3 เดือน (ต.ค.-ธ.ค.)เพื่อช่วยเหลือเยียวยา เพิ่มกำลังซื้อ และลดภาระค่าใช้จ่าย
2.โครงการคนละครึ่ง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีรายได้จากการขายสินค้า โดยกลุ่มเป้าหมายไม่เกิน 10 ล้านคน ไม่เกินคนละ 3,000 บาท
และ3. มาตรการช้อปดีมีคืน เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี โดยสามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีจากค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในประเทศ ได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน โดยมีผู้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ประมาณ 3.7 ล้านคน
ดังนั้นจะเห็นได้ว่ารัฐบาลมีความต้องการดูแลประชาชนให้ทั่วถึงทุกกลุ่ม ซึ่งนอกเหนือจากมาตรการดังกล่าวแล้ว รัฐบาลยังได้มีการดูแลประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ผ่านมาตรการอื่น ๆ ของรัฐด้วย