

- การบินไทยเดินหน้า MOU “บมจ.ทีที โกลบอล เคมิคอล” นำแอร์ไลน์สแห่งชาติเข้ากระบวนพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนตามเทรนด์โลก
- ยืนยันนานาชาติให้การยอมรับเส้นทางบิน ขนส่งสินค้า บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง
- ส่วน GC งัดทุกองค์ความรู้หนุนเต็มเหนี่ยวมุ่งความสำเร็จ 4 เรื่อง “ยกเครื่องความรู้-ลดคาร์บอน-สร้างเศรษฐกิจBCG-พันธมิตรบริการ”
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ล่าสุดได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีทีโกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ “GC” ทางด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนและพันธมิตรทางธุรกิจ ระหว่างกัน เพื่อก้าวสู่สายการบินคุณภาพสูงที่มีส่วนร่วมดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยให้บริการเต็มรูปแบบ ด้วยความโดดเด่นที่นานาชาติยอมรับทั้ง 1.เส้นทางบินครอบคลุมที่ให้บริการขนส่งผู้โดยสาร 2.บริการขนส่งสินค้า และไปรษณีย์ภัณฑ์ทางอากาศครบวงจรทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ 3.มีหน่วยธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการขนส่งทางอากาศ เกี่ยวกับบริการคลังสินค้า บริการลูกค้าภาคพื้น บริการอุปกรณ์ภาคพื้น ครัวการบิน และบริการซ่อมบำรุงเครื่องบิน
ดังนั้นการบินไทยจึงวางแผนเดินหน้าผนึกความแข็งแกร่งเข้ากับ GC ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากลเพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ซึ่งมีนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมควบคู่กับเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนในระดับสากล ตั้งเป้าแสวงหาโอกาสทำธุรกิจร่วมกันโดยยึดหลักความยั่งยืนเติบโตควบคู่กับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม

นายชายย้ำว่าการบินไทยในฐานะสายการบินแห่งชาติ พร้อมร่วมกับ GC ศึกษาและพัฒนาองค์ความรู้ด้านความยั่งยืนในทุกมิติ เช่น การ Upcycling ขยะพลาสติกแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ให้บริการในเที่ยวบิน ผ่านโครงการ YOU เทิร์น Platform การบริหารจัดการขยะพลาสติกใช้แล้วแบบครบวงจร การใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ รวมถึงนำสินค้าชุมชนที่อยู่ในการสนับสนุนของ GC มาใช้เพื่อส่งเสริมการสร้างงาน สร้างรายได้ ในด้านการพาณิชย์ แบบPreferred Partner ด้านบัตรโดยสาร และบริการเดินทางอื่น ๆ ในการเดินทาง และบริการครัวการบินไทย
ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการก้าวสู่การลดคาร์บอนสิทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ผ่านโครงการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มในการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และโครงการศึกษาพัฒนาการนำเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจการบินไทยในอนาคตอย่างยั่งยืน
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บมจ.การบินไทย และประธานกรรมการ GC กล่าวว่า ทั้งสองบริษัทร่วมลงนามกันครั้งโดยมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตระหนักถึงความต้องการผู้บริโภคในปัจจุบันควรคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อม ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นำองค์กรลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 (ค.ศ.2050) ซึ่งทาง GC ได้พัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานอย่างยั่งยืนหรือ Sustainable Aviation Fuel (SAF) จะช่วยให้การบินไทยบรรลุเป้าหมายข้างต้นได้

อีกทั้งความร่วมมือครั้งนี้จะเพิ่มศักยภาพ สร้างความแข็งแกร่งการทำธุรกิจของการบินไทย และ GC เติบโตอย่างยั่งยืน จะนำไปสู่การขยายผลต่อยอด ผสานความร่วมมือในมิติต่างๆ ในอนาคตเพิ่มขึ้นด้วย
ดร. คงกระพัน อินทรแจ้ง CEO GC กล่าวว่า ทั้งสององค์กรต่างก็มีมีจุดแข็ง นั่นคือ การบินไทยโดดเด่นด้านทรัพยากรบุคคล และให้บริการระดับสากล ส่วน GC เป็นผู้นำธุรกิจเคมีภัณฑ์ มีฐานการผลิตทั่วโลก มุ่งทำธุรกิจบนหลักสมดุลESG ระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจและธรรมาภิบาลมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการลงนามร่วมมือกับการบินไทยครั้งนี้จะครอบคลุม 4 ด้านหลัก ประกอบด้วย
ด้านที่ 1 การพัฒนาองค์ความรู้ด้านความยั่งยืน โดยใช้ประสบการณ์ของ GC ช่วยยกระดับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของการบินไทย
ด้านที่ 2 ร่วมสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน โดย GC มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น พลาสติกชีวภาพ ผลิตภัณฑ์รีไซเคิล สินค้า Upcycling ที่สามารถนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ในกิจการของการบินไทย โดยนำระบบการจัดการพลาสติกใช้แล้วแบบครบวงจร หรือ YOUเทิร์น Platform เข้าไปใช้ได้
ด้านที่ 3 การศึกษาพัฒนาการใช้เชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ SAF :7j’เป็นน้ำมันไบโอเกรดพรีเมี่ยมมีกำมะถันต่ำเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จากฐานการผลิตของ GC
ด้านที่ 4 เป็นพันธมิตรด้านการบริการและการเดินทาง ครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นต่อยอดธุรกิจร่วมกันและในอนาคตพร้อมขยายผลสู่ความร่วมมือด้านอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen