“กองทัพบก” แจงปมจัดซื้อรถยานเกราะสไตร์เกอร์ พร้อมตัดงบ 30% ส่งคืนคลัง ช่วยรัฐแก้โควิด-19



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายงานจากกองทัพบก ถึงกรณีที่สื่อออนไลน์มีการเผยแพร่เอกสารของกรมสรรพาวุธ เกี่ยวกับการเดินหน้าโครงการจัดซื้อรถยานเกราะสไตร์เกอร์ ติดอาวุธจำนวน 50 คันด้วยงบประมาณ 4,500 ล้านบาท เป็นการจัดซื้อตามโครงการความช่วยเหลือทางการทหาร Foreign Military Sales (FMS) จากสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ภายหลัง พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ขอให้กองทัพตัดงบประมาณปี2563 เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนจากผลกระทบโควิด-19

ทั้งนี้มีแหล่งข่าวจากกองทัพบก กล่าวว่า พล..อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ตัดงบประมาณปี 2563 ของกองทัพบกแล้วกว่า 30% ตามที่รัฐบาลสั่งให้นำเงินคืนคลัง เพื่อให้รัฐบาลนำงบประมาณนี้มาช่วยแก้ปัญหาจากโควิด-19 โดยมีการชะลอโครงการจัดหายุทโธปกรณ์ไปหลายโครงการ 

รถยานเกราะสไตร์เกอร์

โดยเฉพาะได้ชะลอการจัดซื้อรถยานเกราะสไตร์เกอร์ ที่เดิมทีเป็นโครงการในปีงบประมาณ 2563 ไปเป็นโครงการของปีงบประมาณปี 2564 และงบประมาณปี 2565 ส่วนกรณีประกาศที่กรมสรรพาวุธออกมาเผยแพร่ดังกล่าวนั้นเป็นเพียงแผนการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบของปี 2563 ไม่ใช่การใช้งบฯปี 2563 

อย่างไรก็ตามเหตุผลที่ไม่สามารถยกเลิกโครงการจัดซื้อรถเกราะล้อยาง Stryker จำนวน 50 คันได้นั้น เพราะเป็นโครงการต่อเนื่องและเป็นการจัดซื้อระบบ FMS เป็นไปตามความช่วยเหลือทางทหารกับสหรัฐฯ ที่เข้าสภาคองเกรสของสหรัฐฯ เรียบร้อยแล้ว และจัดซื้อรถเกราะสไตร์เกอร์ 50 คัน แต่ทางสหรัฐฯให้เพิ่มอีก 30 คัน รวมทั้งโครงการกองทัพบกจะได้รถเกราะจำนวนกว่า 130 คัน เมื่อรวมกับที่สหรัฐฯให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในฐานะที่ไทยกับสหรัฐฯมีความสัมพันธ์อันดีทางทหารมายาวนาน จึงได้รับการช่วยเหลือทั้ง รถเกราะ รถติดปืน .120 มมรถพยาบาล รถผู้บังคับบัญชา และรถลาดตระเวน จึงต้องเดินหน้าโครงการต่อ รวมถึงโครงการนี้ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) ไปแล้ว