กรุงไทย ปลื้ม! โครงการรัฐ ดึงคนเปิดบัญชีใหม่ 1.2 ล้านราย เกิดเงินหมุนเวียนในระบบแสนล้าน



วันที่ 12 มีนาคม 2564 นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า 55 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นเวลายาวนานที่ธนาคารกรุงไทยผ่านความท้าทายมานับไม่ถ้วน นอกจากวิกฤตดิสรัปชันแล้ว ยังโดนถาโถมด้วยวิกฤตโควิด นับว่าเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤต แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ทำใช้กรุงไทยสร้างพลังร่วมจนเป็นที่ประจักษ์ของชาวโลก ทำให้กรุงไทยฝ่าวิกฤตอยู่รอด และเร่งสร้างรากฐาน สามารถเป็นกลไกรัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง ทำให้สามารถเดินต่อไปได้

“กรุงไทยได้เป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐ ทั้งบัตรสวัสดิการ ร้านธงฟ้าในทุกตำบลทั่วประเทศไทย ชิมช้อปใช้ เราไม่ทิ้งกัน ไทยชนะ เราเที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง เราชนะ ม.33เรารักกัน พันธบัตรรัฐบาล ดิจิทัลเลิร์นนิ่งของกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เป็นต้น”

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ทำด้วยใจบนตัวตนของกรุงไทย ทำให้ความช่วยเหลือการใช้บริการภาครัฐไปถึงประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ตรงจุด ตรงกลุ่มเป้าหมาย โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถไปลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการภาครัฐได้ด้วยตัวเอง จะเห็นว่ากรุงไทยเป็นแกลนหลักในการดูแลร่วมกับหน่วยงานรัฐ

“ช่วงนี้จะเห็นว่าไม่มีวันไหนที่พวกเราจะไม่ขึ้นข่าวหน้าหนึ่ง ทั้งแอปเป๋าตัง- แอปถุงเงิน เป็นข่าวอยู่ทุกวัน ถึงจะอยู่ท่ามกลางแวดล้อมที่กดดัน มีดราม่า ก้อนอิฐบ้าง มีข้อคำติชมบ้าง ก็ยังยืนหยัดอย่างหนักแน่น คงไว้ซึ่งพลังร่วมครั้งประวัติศาสตร์ของเรา จนได้รับการยอมรับเป็นที่ประจักษ์โดยที่ไม่รู้ตัวเป็นธรรมชาติ และใช้เวลาไม่นาน การยึดคนไทย ประเทศไทย และพันธมิตรหลักของเราคือรัฐบาล”

นายผยง กล่าวว่า การดำเนินงานผ่าน 5 ระบบนิเวศ ทำให้แพลตฟอร์มของธนาคารกรุงไทย เป็นแพลตฟอร์มของคนไทยทั้งประเทศ ทั้ง Krungthai Connext, Krungthai NEXT, แอปพลิเคชั่นเป๋าตัง, ถุงเงิน และการจับจ่ายใช้สอบผ่านบัตรประชาชน ซึ่งเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ ทำให้ธนาคารกรุงไทยมีลูกค้ากว่า 40 ล้านคน มีผู้ประกอบการมาเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทยกว่า 1.2 ล้านราย ทำให้เกิดเงินทุนในระบบเศรษฐกิจกว่า 100,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ กรุงไทยเป็นโมเดลต้นแบบให้อีกหลายองค์กร ให้กับสังคมไทย และกลายเป็นองค์กรที่ข้าเกรงขามในสายตาคู่แข่ง ทั้งแบงก์และน็อนแบงก์ เพราะกรุงไทยสามารถทำให้ประชาชนคนไทยทุกกลุ่มสามารถเรียนรู้ เข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างเท่าเทียมกัน สามารถนำเทคโนโลยีเข้ามายกระดับชีวิตให้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจในประเทศ เพิ่มศักยภาพ และขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลกได้