

- เดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเข้าสู่4.0
- ตรวจเข้มโรงงาน 6,000 แห่ง ป้องกันความเสี่ยงด้านน้ำเสีย ฯลฯ
- เผยแผนดำเนินงานในปีนี้อาทิอุตสาหกรรมสีเขียว
นายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยแผนดำเนินงานในปี นี้ ว่า กรอ. จะให้ความสำคัญใน 4 ด้านหลัก ประกอบด้วย 1.การดำเนินนโยบายการปกป้องสิ่งแวดล้อม และปราบปรามผู้ประกอบการที่กระทำผิด จนเกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมแบบเข้มงวดมากขึ้น 2.การพัฒนากฎหมาย และระบบดิจิทัล เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมไทยเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 , 3.การส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมให้มีการพัฒนาศักยภาพการแข่งขันให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน และ 4. การพัฒนาบุคลากร
สำหรับด้านสิ่งแวดล้อม กรอ.จะ เน้นบริหารจัดการ กำกับ ดูแล และเฝ้าระวังผู้ประกอบการอุตสาหกรรมให้มีความปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่ง กรอ. มีแผนในการตรวจกำกับโรงงาน 6,000 โรงงาน เพื่อเฝ้าระวังเรื่องของความเสี่ยงด้านต่าง ๆ อาทิ น้ำเสีย อากาศ กากอุตสาหกรรม ความปลอดภัย (สารเคมี อัคคีภัย ระบบไฟฟ้า หม้อน้ำ) ขณะเดียวกันหากพบว่าโรงงานมีการปล่อยมลพิษทาง กรอ. ก็จะมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วเข้าระงับ และจัดการ เพื่อความรวดเร็ว แม่นยำ เนื่องจากกรมมีระบบรายงานมลพิษแบบอัตโนมัติต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ทั้งน้ำ อากาศ และกากอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ก็จะพัฒนาระบบดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการและพัฒนาระบบอนุญาตและการกำกับดูแล ทั้งข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการวัตถุอันตราย เชื่อมโยงเอกสารและข้อมูลประชาชนและบริการภาครัฐ การนำระบบบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม (E Fully Manifest) และทำเนียบสารเคมีและวัตถุอันตราย รวมถึงการผลักดันโครงการต่าง ๆ ที่จะช่วยลดมลพิษ เป็นต้น
ขณะที่ใน การดำเนินการตามพระราชบัญญัติ( พ.ร.บ. )โรงงานอุตสาหกรรม ฉบับใหม่ก็ถือว่าเป็นงานใหม่ในปีนี้ ซึ่งนอกจากจะสร้างระบบ มาตรฐานในการบริหารจัดการ และกำกับดูแลโรงงานให้มีความคล่องตัวและสร้างบรรยากาศการลงทุนที่มีความน่าสนใจ สามารถดึงดูดนักลงทุน ยังมีเรื่องสำคัญอื่น ๆ ที่ต้องเร่งดำเนินการ เช่น เรื่องการรับรองตนเองของผู้ประกอบการ และการกำกับดูแลผ่านบุคคลที่สามหรือ Third Party แล้วยังต้องอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรให้สามารถปฎิบัติงานรองรับได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะประเด็น การถ่ายโอนภารกิจให้แก่หน่วยงานท้องถิ่นในการกำกับดูแลโรงงาน
นอกจากนี้ในปี นี้ กรอ. จะผลักดันโครงการต่าง เช่น โครงการอุตสาหกรรมสีเขียว ที่ส่งเสริมให้โรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศเข้าสู่อุตสาหกรรมสีเขียว, โครงการอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในพื้นที่ ก็จะประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับอุตสาหกรรมจังหวัด โดยแบ่งกลุ่มออกเป็น กลุ่มที่มีโรงงานอุตสาหกรรมหนาแน่น กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ที่มีศักยภาพในการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม และกลุ่มพื้นที่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และ โครงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำสายหลัก โดยเริ่มจากลุ่มน้ำเจ้าพระยา และคลองอู่ตะเภา ซึ่งจะขยายผลไปอีก 25 ลุ่มน้ำสายหลัก และโครงการอื่น ๆ ที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศการน่าลงทุน เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนและต้องเป็นการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมอยู่เคียงข้างชุมชนได้อย่างมีความสุข