กรมหม่อนไหม ดึงผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ -ครม.ใส่ผ้าไหมในวันสำคัญ กระตุ้นให้คนหันมาใส่ผ้าไหมมากขึ้น



  • จัดงานมหกรรมผ้าไหม 2563 ไหมไทยสู่เส้นทางโลก
  • เปิดศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ทั่วประเทศ
  • ผลักดันพื้นที่ทำกิจกรรมด้านหม่อนไหมเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร

นายสันติ กลึงกลางดอน รองอธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น  ดังนั้นกรมหม่อนไหมจะเร่งประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาดผ้าไหมให้ผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม กลุ่มผู้ทอผ้าไหมและผู้ประกอบการหม่อนไหมอย่างให้มีรายได้

ขณะที่การเดินทางเข้าออกต่างประเทศเพื่อประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาดหม่อนไหม ยังมีข้อจำกัดด้วยสถานการณ์โควิด-19 กรมหม่อนไหมจึงได้ปรับกลยุทธ์ในการดำเนินงาน เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ด้วยการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาดผ้าไหมภายในประเทศและต่างประเทศ

“สำหรับในประเทศนั้น จะเร่งรณรงค์การสวมใส่ผ้าไหมกับผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  นำเสนอคณะรัฐมนตรีให้มีการสวมใส่ผ้าไหมในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีหรือในโอกาสสำคัญ  ประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาดผ้าไหมและสินค้าหม่อนไหมในหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ หรือ “สินค้าหม่อนไหมสู่ประตูบ้าน”

ทั้งนี้จะส่งเสริมการขายโดยการนำสินค้าหม่อนไหมไปออกร้านจำหน่ายในหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงสินค้าหม่อนไหมง่ายขึ้น  บูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย เช่น กรมการพัฒนาชุมชน ในการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาดสินค้าหม่อนไหม ในงานโอท็อป (OTOP) ที่จัดขึ้นปีละ 3-4 ครั้ง ประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาดผ้าไหมและสินค้าหม่อนไหมในภูมิภาค โดยเน้นจังหวัดขนาดใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่นและมีกำลังซื้อสูง อาทิ เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี สุราษฎร์ เป็นต้น รวมทั้งการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาดผ้าไหมและสินค้าหม่อนไหมในตลาดออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์มชั้นนำ เช่น Facebook  Instagram  Lazada และ Shopee 

“ส่วนการส่งเสริมการตลาดผ้าไหมต่างประเทศนั้นจะเน้นการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาดผ้าไหมและสินค้าหม่อนไหมในตลาดออนไลน์ และการจัดโครงการมหกรรมผ้าไหม 2563 : ไหมไทยสู่เส้นทางโลก ด้วยการนำผ้าไหมจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ มาออกแบบตัดเย็บโดยนักออกแบบชั้นนำตามรูปแบบสมัยนิยมของประเทศต่าง ๆ พร้อมทั้งเดินแบบโดยเอกอัครราชทูตและภริยา ตลอดจนกงสุลกิตติมศักดิ์จากประเทศต่าง ๆ กว่า 90 ประเทศ และประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์และแฟชั่นทีวีที่มีผู้ชมทั่วโลก” 

อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เข้าสู่ภาวะปกติ กรมหม่อนไหมจะจัดทำโครงการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาดสินค้าหม่อนไหมไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีนที่ยังมีความต้องการผ้าไหมเป็นจำนวนมาก

และ ในเร็วๆ นี้ กรมหม่อนไหมจะจัดงานวันคล้ายวันสถาปนากรมหม่อนไหม ครบรอบปีที่ 11 ในวันที่ 4 ธ.ค.2563 ในแนวคิด “หม่อนไหมดี 4 ภาค” โดยจะมีการนำผ้าไหมและผลิตภัณฑ์จากหม่อนและไหมที่เด่นๆ และมีชื่อเสียงของแต่ละภูมิภาคทั่วประเทศมาจัดแสดงและออกร้านจำหน่าย เช่น ผ้าไหม GI ผ้าไหมเด่นจากจังหวัดต่าง ๆ อาทิ ผ้าไหมยกดอกลำพูน ผ้าไหมแพรวา ผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าโฮล ผ้าจวนตานี ผ้าลายน้ำไหล ผ้าไหมสันกำแพง ผ้าทอนาหมื่นศรี เป็นต้น

เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตจากทั่วประเทศได้มาแสดงและจำหน่ายสินค้า อีกทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ ที่มาร่วมงานและในบริเวณใกล้เคียงได้เห็นคุณค่า ความงดงามของสินค้าหม่อนไหมดี 4 ภาคของไทยเรา และได้เลือกชมเลือกซื้อสินค้าหม่อนไหมเป็นของฝากและของขวัญปีใหม่ด้วย

“กรมหม่อนไหมจะเปิดศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ ที่กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคทั่วประเทศ รวมทั้งคัดเลือกพื้นที่ที่มีการดำเนินกิจกรรมด้านหม่อนไหมในภูมิภาคต่าง ๆ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรด้านหม่อนไหมครบวงจรและเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด โดยประชาชนสามารถแวะเยี่ยมชมและเลือกซื้อสินค้าหม่อนไหมในภูมิภาคนั้นๆ เป็นของฝากและของขวัญปีใหม่ได้ด้วย”