

- ชี้ทางรอดปลูกพืชอายุสั้น เก็บเกี่ยวผลผลิตไว
- พร้อมแนะสร้างแหล่งกักเก็บสำรองน้ำ เพื่อใช้ในการเกษตร
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า จากประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาเรื่องการเข้าสู่ฤดูฝนของประเทศไทยปี 2563 ที่เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการตามเกณฑ์ทางอุตุนิยมวิทยา ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค. 2563 เป็นต้นไป และจะสิ้นสุดลงในช่วงกลางเดือน ต.ค. 2563 โดยระยะแรกของฤดูปริมาณและการกระจายตัวของฝนจะยังไม่สม่ำเสมอ และจะมีปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้นในช่วงปลายเดือนพ.ค.นี้


ทั้งนี้สำหรับช่วงปลายเดือน มิ.ย. – กลางเดือน ก.ค.จะมีปริมาณฝนตกน้อย ซึ่งอาจส่งผลให้มีน้ำไม่เพียงพอสำหรับการเกษตรหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตชลประทาน ส่วนช่วงเดือนส.ค. – ก.ย. จะเป็นช่วงที่มีฝนตกชุกหนาแน่นที่สุด และมีโอกาสสูงที่จะมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนผ่านประเทศไทยตอนบน ประมาณ 1 – 2 ลูก ส่วนบริเวณภาคใต้นั้นจะมีฝนตกต่อไปอีกจนถึงกลางเดือนม.ค. 2564 แม้ปริมาณฝนรวมทั้งประเทศปีนี้จะน้อยกว่าค่าปกติประมาณ 5% แต่เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาจะมีปริมาณของฝนมากกว่า
อย่างไรก็ตามจึงขอเตือนให้เกษตรกรที่จะเพาะปลูกพืชในช่วงเข้าสู่ฤดูฝนนี้วางแผนกักเก็บสำรองน้ำไว้ใช้ในเวลาที่ฝนทิ้งช่วง หรือปลูกพืชอายุสั้น/พืชผัก เช่น ผักบุ้ง กวางตุ้ง หรือถั่วเขียว เป็นต้น ซึ่งจะใช้ระยะเวลาเพาะปลูกประมาณ 25-40 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ เพื่อป้องกันผลผลิตเสียหายกรณีขาดแคลนน้ำในช่วงดังกล่าว


“ทางกรมฯขอแนะนำให้เกษตรกร โดยเฉพาะผู้ที่ทำการเพาะปลูกนอกเขตชลประทานสร้างแหล่งกักเก็บสำรองน้ำในช่วงฝนทิ้งช่วง เพื่อเตรียมพร้อมกักเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตรในช่วงที่จะมีฝนตกชุกหนาแน่นเดือน ส.ค. – ก.ย. ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้พยากรณ์ไว้ โดยขอย้ำให้เกษตรกรติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง หรือสามารถขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ได้ ณ สำนักงานเกษตรอำเภอและสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้านก็ได้” นายเข้มแข็ง กล่าว