
- คาดปี 2565 ยังใช้ราคาประเมินเดิม
- หลังโควิดแรงหนักห่วงกระทบภาคอสังหา
- ชาวบ้านถูกเก็บภาษีที่ดินแพงขึ้น
นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมฯเตรียมพิจารณาเลื่อนประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินทั่วประเทศรอบใหม่ออกไปอีก 1 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้ราคาประเมินที่ดินในปี 65 ที่เริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค.65 จะยังให้ใช้ราคาประเมินเดิมในรอบปีบัญชี 59-63 ไปก่อน เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจที่กำลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตระบาดโควิด และเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
“ราคาประเมินที่ดินหากมีการปรับขึ้นจะส่งผลให้ภาคธุรกิจ และประชาชนต้องเสียค่าธรรมเนียมในการโอนอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้น เช่นเดียวกับจะถูกนำไปใช้ประกอบการประเมินจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอีกด้วย โดยถ้าราคาสูงขึ้นมากประชาชน ภาคธุรกิจที่กำลังเดือดร้อนจากโควิดอยู่ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ดังนั้นจึงเห็นว่าควรใช้ราคาเก่าต่อไปอีก 1 ปี หลังจากมีการขยายมาแล้วในปี 64 อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จะต้องเสนอให้คณะกรรมการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง”
นอกจากนี้ กรมฯมีแผนจะขยายมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด โดยผู้ประกอบการที่มีสัญญาเช่าที่ราชพัสดุในเชิงพาณิชย์กับกรมฯ สามารถขอให้พิจารณาลดค่าเช่าปีนี้ได้สูงสุด 50-75% เนื่องจากขณะนี้มีหลายธุรกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรง และขาดรายได้จากการระบาดโควิด บางแห่งไม่สามารถปิดดำเนินการได้ หรือเปิดได้ก็มีลูกค้าน้อย รายได้ลดลง
“ก่อนหน้านี้กรมได้ออกมาตรการช่วยภาคธุรกิจ ให้เลื่อนเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุไปแล้ว แต่เมื่อผลกระทบโควิดรุนแรงขึ้น และยืดเยื้อก็พร้อมพิจารณามาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม ซึ่งผู้ประกอบการรายใดที่เดือดร้อน สามารถแจ้งความประสงค์มาที่กรมฯ หรือธนารักษ์พื้นที่ พร้อมกับส่งงบการเงิน หรือหลักฐานที่ได้รับผลกระทบเข้ามา กรมพร้อมพิจารณาช่วยเหลือให้เป็นรายกรณี ส่วนการช่วยเหลือประชาชน และเกษตรกรที่เช่าที่ราชพัสดุ กรมได้ยกเว้นเก็บค่าเช่าเป็นเวลา 1 ปีไปแล้ว”
ด้านน.ส.วิลาวัลย์ วีระกุล รองอธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้กรมฯได้จัดทำราคาประเมินที่ดินรอบบัญชีใหม่เสร็จแล้ว ซึ่งมีราคาประเมินเพิ่มขึ้นจากบัญชีเดิมเฉลี่ยประมาณ 5-7% อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์โควิดมีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ก็สามารถพิจารณาเลื่อนการใช้ราคาประเมินที่ดินรอบบัญชีใหม่ไปก่อน และใช้ราคาประเมินเดิมต่อไปได้เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระแก่ประชาชนและผู้ประกอบการ
ส่วนราคาประเมินที่ดินแปลงแยกใหม่ระหว่างรอบปีบัญชี กรมฯได้จัดทำราคาประเมินเสร็จแล้วเช่นกัน ซึ่งมีจำนวนแปลงที่ดินเพิ่มจากช่วงปี 58 อยู่ประมาณ 2 ล้านแปลงทั่วประเทศ โดยคงให้ใช้ราคาประเมินตามรอบบัญชีปัจจุบัน และได้มอบหมายให้ธนารักษ์จังหวัดเร่งประชุมเพื่อประกาศใช้ราคาประเมินแปลงแยกภายในจังหวัดตนเองให้ทันภายในปีนี้










