กกร.หั่นเป้าเศรษฐกิจปี2563 โตเหลือแค่ 1.5-2%



  • ตรึงอัตราส่งออก -2ถึง0% และเงินเฟ้อ0.8-1.5%
  • เหตุโควิด-19ลามทั่วโลก
  • เข้าร่วมประชุมครม.เศรษฐกิจวันที่ 6 มี.ค.

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือกกร.ที่ประกอบด้วยส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า กกร.มีมติปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ของไทยปี 2563 ลงอยู่ที่ 1.5-2% จากเดิมคาดการณ์ไว้โต 2-2.5% เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้แพร่กระจายลุกลามไปในหลายประเทศทั่วโลก ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างแต่ยังคงอัตราการส่งออก-2ถึง 0% และคงเงินเฟ้อ 0.8-1.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนโดยตัวเลขทั้งหมดอยู่บนสมมติฐานที่โควิด -19จะจบภายในมิ.ย. 63

” นับเป็นครั้งแรกที่กกร.ทำการปรับลดเศรษฐกิจติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 จากเดิมจะทบทวนไตรมาสละครั้งเนื่องจากปัจจัยต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะโควิด-19 ซึ่งกกร.เดือนที่ก.พ.ได้ลดคาดการณ์จีดีพีอยู่ที่ 2-2.5%และครั้งนี้ก็ลดลงอีก ส่วนที่คงส่งออกนั้นเพราะเห็นว่าการส่งออกมีทั้งผลบวกและลบ อย่างไรก็ตามยอมรับว่าหากยืดเยื้อไปถึงสิ้นปีเศรษฐกิจไทยมีโอกาสติดลบแต่กกร.คาดหวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นเพราะล่าสุดจีนมีผู้ป่วยติดเชื้อลดลง”นายสุพันธุ์กล่าว

ทั้งนี้กกร.อยู่ระหว่างการรวบรวมมาตรการที่จะเสนอต่อภาครัฐในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เศรษฐกิจวันที่6 มี.ค.นี้ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ครม.เศรษฐกิจให้เข้าร่วมประชุม โดยเบื้องต้นมาตรการที่จะเสนออาทิ เร่งรัดการเบิกจ่ายงบปี 63 โดยเร็ว ลดค่าไฟฟ้าให้เฉพาะธุรกิจ SMEs และบ้านพัก ลง 5% เป็นระยะเวลา 1 ปี เร่งรัดการคืนภาษี VAT ให้รวดเร็วภายในเวลา 30 วัน การลดภาษีนำเข้าเครื่องจักรใหม่เพื่อการผลิตซึ่งประเทศไทยผลิตเองไม่ได้ ลงเหลือ 0% เป็นระยะเวลา 1 ปี ลดการจ่ายเงินประกันสังคมของผู้ประกันสังคม ทั้งลูกจ้าง และนายจ้าง ลง 50% เป็นระยะเวลา 6 เดือนเป็นต้น ขณะเดียวกันจะเสนอให้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.)ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเพื่อติดตามสถานการณ์เศรษกิจโดยเฉพาะโควิด-19ได้อย่างต่อเนื่องและทันสถานการณ์ซึ่งได้เสนอหลายครั้งแต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ