กกร.สั่งตั้งอนุกรรมการรื้อโครงสร้าง “ค่าจีพี”



  • หวังให้จัดเก็บในอัตราเหมาะสม เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
  • หลังร้านอาหารรายเล็กร้องเรียนฟู้ดดีลิเวอรี่เก็บสูงเกินไป
  • พร้อมคงบัญชีสินค้า-บริการควบคุม 51 รายการต่ออีกปี

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า (กกร.) ที่ตนเป็นประธานว่า ที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการหลายเรื่อง เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ โดยมีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้น 1 ชุด มีอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธาน และมีผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชน เป็นกรรมการ เพื่อพิจารณาการจัดเก็บค่าส่วนแบ่งการขาย (จีพี) ที่แพลตฟอร์มให้บริการสั่งและส่งอาหาร (ฟู้ด ดีลิเวอรี่) เรียกเก็บจากร้านอาหารในแพลตฟอร์มอัตรา 30-35% ของยอดขาย เพื่อให้อัตราการจัดเก็บเหมาะสม โดยที่ต้องให้เกิดความสมดุลของทั้ง 3 ฝ่าย คือ แพลตฟอร์มต้องทำธุรกิจต่อไปได้ ขณะที่ร้านอาหาร และผู้บริโภคที่สั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์ม ต้องได้รับความเป็นธรรม

นอกจากนี้ ยังมีมติให้ต่ออายุรายการสินค้าและบริการควบคุมปี 63 รวม 51 รายการ แบ่งเป็นสินค้า 46 รายการ และบริการอีก 5 รายการ อีก 1 ปี หรือตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.64-30 มิ.ย.65 เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์ ใช้มาตรการทางกฎหมายกำกับดูแลได้อย่างเหมาะสม และได้ปรับมาตรการดำเนินการสำหรับสินค้าและบริการควบคุมบางรายการให้เหมาะสมมากขึ้น เช่น เหล็กเส้น กำหนดมาตรการเพิ่มเติมให้ผู้นำเข้าต้องแจ้งข้อมูลการนำเข้า ทั้งปริมาณการนำเข้า-จำหน่าย ปริมาณคงเหลือ เป็นประจำทุกเดือน เพราะขณะนี้ ราคาเหล็กในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมาก เป็นต้น

พร้อมกันนั้น ยังมีมติกำหนดให้การรับซื้อผักและผลไม้ 5 รายการ ประกอบด้วย มะเขือเทศ พริก ฟักทอง กะหล่ำปลี และผักและผลไม้อื่นๆ ต้องปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ ส่วนผลไม้ 9 ชนิด ประกอบด้วย เงาะ มะม่วง ทุเรียน มังคุด ลองกอง ลำไย ลิ้นจี่ ส้ม และสับปะรด ต้องปิดป้ายแสดงราคารับซื้อตั้งแต่เวลา 08.00 น.ของทุกวัน ขณะที่ข้าวเปลือก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน (ผลปาล์มสด) และมันสำปะหลัง ห้ามผู้ซื้อคิดค่าชั่งน้ำหนักแล้วนำไปหักออกจากราคารับซื้อโดยเด็ดขาด เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับเกษตรกร ไม่ให้ผู้ซื้อเอารัดเอาเปรียบได้

สำหรับสินค้าและบริการควบคุม 51 รายการ เช่น กระดาษทำลูกฟูก, กระดาษเหนียว, ยางรถรถยนต์และยางรถจักรยานยนต์, รถจักรยานยนต์ รถยนต์บรรทุก, เครื่องสูบน้ำ ปุ๋ย, ยาป้องกันหรือจำกัดศัตรูพืชหรือโรคพืช, รถเกี่ยวข้าว, รถไถนา, หัวอาหารสัตว์, กากดีดีจีเอส, ก๊าซปิโตรเลียมเหลว, น้ำมันเชื้อเพลิง, ยาและเวชภัณฑ์, ปูนซีเมนต์, เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เหล็กแผ่น เหล็กเส้น, ข้าวเปลือก ข้าวสาร ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์, ข้าวโพด, บริการซื้อขายและหรือบริการขนส่งสินค้าสำหรับธุรกิจออนไลน์, บริการทางการแพทย์ เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่กกร.ต้องตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นพิจารณาอัตราการจัดเก็บค่าจีพี เป็นเพราะที่ผ่านมา ร้านอาหารจำนวนมาก โดยเฉพาะรายเล็ก ร้องเรียนว่า แพลตฟอร์มบางรายเก็บค่าจีพีสูงมาก จนได้รับความเดือดร้อน ขายสินค้าไม่ได้กำไร แต่ต้องแบ่งค่าจีพีให้กับแพลตฟอร์ม ทำให้ร้านอาหารบางรายปรับขึ้นราคาขาย และกระทบต่อผู้บริโภค ขณะที่แพลตฟอร์ม อ้างว่า ค่าจีพีที่จัดเก็บ 30-35% หรือ 180-200 บาทต่อ 1 การสั่งซื้อ ต้องแบ่งให้ไรเดอร์ (คนส่งสินค้า) 10-50 บาท และอีกบางส่วนนำมาเป็นส่วนลดราคาอาหารให้กับลูกค้า หากลูกค้าสั่งซื้อไม่ถึง 100 บาท แพลตฟอร์มก็ขาดทุน ดังนั้น คณะอนุกรรมการชุดนี้ จึงจะต้องพิจารณาอัตราการจัดเก็บ รวมถึงแนวทางการจัดเก็บใหม่ให้เหมาะสม และทั้ง 3 ฝ่ายได้รับความเป็นธรรม เช่น จัดเก็บแบบขั้นบันไดตามรายได้ของร้านค้าแต่ละราย ไม่ใช่เก็บอัตราเดียวกันหมดเหมือนปัจจุบัน