“WIN” มั่นใจ ปี66 ธุรกิจเช่าคลังสินค้า-ติดตั้งโซลาร์ฯ โตต่อเนื่อง เด้งรับการเปิดประเทศ

  • รับปัจจัยบวกเศรษฐกิจโลกและไทยทยอยฟื้นตัวหลังโควิด-19 คลี่คลาย
  • หนุนยอดใช้บริการเช่าพื้นที่คลังสินค้าสูงถึง 77%  ของพื้นที่ทั้งหมด
  • โซลาร์เซลล์ยังบูมต่อรับเทรนด์พลังงานสะอาดหนุนขับเคลื่อนองค์กรสู่  Net Zero 

 นายจักร จามิกรณ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สวนอุตสาหกรรม วินโคสท์ จำกัด(มหาชน) หรือ WIN ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการให้เช่าพื้นที่คลังสินค้าในเขตปลอดอากร การรับเหมาก่อสร้าง เปิดเผยว่า  ผลประกอบการในปี 2565  มีรายได้รวมปรับตัวขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเป็นการเติบโตของธุรกิจเช่าพื้นที่คลังสินค้าที่มีการใช้บริการเช่าพื้นที่คลังสินค้าสูงถึง 77% ของพื้นที่คลังสินทั้งหมด และธุรกิจการติดตั้งและพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ที่ได้บรรลุข้อตกลง และลงนามสัญญารับเหมาก่อสร้าง(EPC)เพื่อติดตั้ง
แผงโซลาร์เพิ่มเติมอีก 2 สัญญา   ดังนั้นภาพรวมของการดำเนินธุรกิจได้รับปัจจัยบวก สอดรับกับทิศทางของเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัวจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ 

 “การเติบโตของบริษัทจะสอดรับกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยซึ่งปี 2565 เศรษฐกิจไทยรับอานิสงส์จากการเปิดประเทศทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่ม ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องฟื้นตัว ซึ่งเป็นแรงหนุนกำลังซื้อภายในประเทศเพิ่ม ประกอบกับการส่งออกยังโตต่อเนื่องและรัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเป็นระยะๆ จึงทำให้เศรษฐกิจไทยปี  2565  โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) คาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ราว 3.2% จากปี 2564 ขณะที่ปี 2566 กองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะโตได้ 3.7%  จากปี 2565 ที่คาดการณ์ว่าโต 2.8% ซึ่งเป็นส่วนสนับสนุนให้เกิดการขยายตัวของอุตสาหกรรมการผลิตและภาคการค้าระหว่างประเทศ”

ทั้งนี้การดำเนินธุรกิจปี 2566 บริษัทยังมั่นใจว่าเติบโตต่อเนื่องตามทิศทางเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการให้เช่าพื้นที่คลังสินค้าในเขตปลอดอากรและคลังทั่วไป ที่คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3.5% ต่อปี  โดยเฉพาะพื้นที่ทำเลทอง ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC) ที่บริษัทมีความสามารถในการขยายพื้นที่เช่า และ อัตราการเช่าได้อย่างต่อเนื่องจากปี 2565  ส่งผลให้อัตราค่าเช่าที่ดีกว่าค่าเช่าเฉลี่ยในตลาด โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4  ที่ผ่านมา มียอดเช่าคลังสินค้าในเขตพื้นที่ปลอดอากร และพื้นที่ทั่วไปแตะเฉลี่ย 80% ของพื้นที่ทั้งหมดทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ประกอบกับการเช่าพื้นที่คลังสินค้ายังได้รับอานิสงส์จากธุรกิจการค้าออนไลน์และโลจิสติกส์ที่เติบโตซึ่งคาดว่าตลาด  e-Commerce จะเติบโตเฉลี่ย  20-25% ต่อปี ทำให้มีการเช่าใช้พื้นที่เพื่อรวบรวมสต็อกสินค้าก่อนส่งมอบ  ส่วนการลงทุนพื้นที่คลังสินค้าทั่วไปเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3.0% ต่อปี  เป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่ไม่สอดรับกับความต้องการตลาด   ส่งผลให้อัตราค่าเช่าพื้นที่สามารถปรับขึ้นได้ระดับเฉลี่ย 85-86% 

 อย่างไรก็ตาม ภาวะการแข่งขันของตลาดผู้ให้เช่าคลังสินค้า จะมีปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อดึงดูดผู้เช่า โดยวางแผนลงทุนคลังสินค้าสมัยใหม่ ในรูปแบบการพัฒนาพื้นที่อาคารคลังสินค้าตามความเหมาะสม (Build-to-suit) และคลังสินค้าสำเร็จรูป (Ready-built warehouse) โดยมีการลงทุนนำเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการมากขึ้น เช่น การจัดเก็บสินค้าด้วยหุ่นยนต์ ซึ่งจะช่วยให้สามารถปรับขึ้นค่าเช่าได้ง่ายขึ้น และการทำสัญญาจะยาวนานกว่าคลังสำเร็จรูปในแบบดั้งเดิม

  นายจักร กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินธุรกิจด้านพลังงานงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ได้มีการขยายงานโดยได้สัญญาเพิ่มเติมอีก 3 สัญญาได้แก่  สัญญาติดตั้งฯโครงการของ บริษัท ทีซีเคโซลาริส จำกัด ขนาดกำลังผลิต 6.468 เมกกะวัตต์ มูลค่า 158.49 ล้านบาทโดยจะเดินหน้าตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2565- 30 มิถุนายน 2566 สัญญา ติดตั้งให้กับโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย  เฟสที่ 2 ได้เริ่มก่อสร้างและส่งมอบงานงวดแรกเดือนธันวาคม 2565 และจบโครงการไตรมาสที่1 ปี 2566  และสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าให้แก่วัดคุณพุ่ม จังหวัดพิจิตร ซึ่งได้จ่ายไฟฟ้าแล้ว ในปีนี้บริษัทฯปิดสัญญา EPC 10 โครงการ และ  ยังคงดำเนินการร่วมพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์กับททบ 5 เฟส 2-5 และ สถานีโครงข่ายปี 2566 ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯรับรู้รายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

  “จากอัตราค่าไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้การติดตั้งการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นพลังงานที่มีความคุ้มค่าต่อการลงทุน ทำให้ภาคการผลิตสามารถบริหารจัดการด้านต้นทุนพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาวและยังตอบสนองความต้องการพลังงานสะอาดให้กับองค์กรภาคเอกชนต่างๆ เพื่อที่จะเดินหน้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์หรือ Net Zero”