ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8:1 พิธารอดคดีถือหุ้นสื่อ ชี้ไอทีวีไม่เป็นสื่อ ได้กลับเข้าทำหน้าที่สส.ในสภาต่อ พิธาโพสต์ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ
- กรณีถือหุ้น : มีความผิดจริงไม่ว่าจะถือมากน้อยแค่ไหนแค่ 1 หุ้นก็ผิด
- กรณีไอทีวีเป็นสื่อหรือไม่ : ไม่เป็น เพราะไอทีวี ไม่ได้ประกอบกิจการหรือมีรายได้จากทำสื่อแล้ว
วันนี้(24 ม.ค.2567)เวลา 14.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ กรณี ถือหุ้นสื่อหรือไม่
ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก 8:1 วินิจฉัยว่า ในวันที่พรรคก้าวไกลยื่นบัญชี รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อต่อผู้ร้อง ผู้ถูกร้องคือนายพิธาเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จํากัด (มหาชน) ไม่ว่าจะถือหุ้นจำนวนเท่าใด แม้เพียง 1 หุ้น ก็ถือว่าเข้าข่ายมีความผิด
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงในทางไต่สวนรับฟังได้ว่าบริษัท ไอทีวี จํากัด (มหาชน) ไม่ได้ประกอบ กิจการหรือมีรายได้จากกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ผู้ถูกร้องจึงมิใช่ผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรของผู้ถูกร้องคือนายพิธา จึงไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จํานวน 1 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ เห็นว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกร้อง สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3)
หลังรับทราบคำวินิจฉัย นายพิธาให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกเฉยๆ เป็นปกติ ภารกิจแรกจะแถลงถึงแผนงานประจำปีของพรรคก้าวไกล ตามที่ได้รับมอบหมายจากนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ส่วนจะกลับเข้าสภาได้เมื่อไหร่นั้น วิปฝ่ายค้านซึ่งอยู่ในสภาจะได้หารือกับประธานสภาอีกครั้งว่า จะสามารถกลับเข้าไปปฏิบัติหน้าที่สส.ได้เมื่อไหร่ ทั้งนี้จะทำหน้าที่สส.ให้เต็มที่ให้สมกับที่รอมา
ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคก้าวไกล โพสต์รูปกอดกับนายพิธา พร้อมข้อความว่า “ดีใจมากที่นายกลับมา”
ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า ต้องรอหนังสือคำวินิจฉัยอย่างเป็นทางการแจ้งไปยังสภาเพื่อให้มีผลทางกฎหมาย และรอคำตอบจากทางประธานสภาว่าจะให้นายพิธา เข้าสภาได้ในวันไหน และไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง พร้อมคืนตำแหน่งหัวหน้าพรรคและหัวหน้าฝ่ายค้านให้นายพิธา ตนเองอยู่ตรงไหนก็ได้
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 31 ม.ค. 2567 เวลา 14.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย กรณีนายพิธา ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งและยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่