“ดิจิทัลวอลเล็ต” “เศรษฐา”ฟังและฝ่าทุกด่านทำฝันให้เป็นจริง ไม่ได้หาทางลงแต่ยังคงถนอมไว้ซึ่งความหวังของคนไทย
วันนี้ คุณย่ามาตามฤกษ์หามยามดี 11:11 วันคนโสด แต่ไม่มีสินค้ามาลดราคาให้นะ นอกจากมีข่าวดีมาแจ้งให้ทราบว่า นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้แก่ผู้มีอายุเกิน 16 ปีขึ้นไป ได้ข้อสรุปแบบนั่งยันนอนยันแล้วว่า รัฐบาลนายกฯเศรษฐา จะลงมือแจกให้พ่อแม่พี่น้องทั่วประเทศในเดือน พ.ค.ปี 2567
การที่มีอีหนูจอมว้าวุ่นแหกด่านเสนอหน้ามาบอกว่า นายกฯเศรษฐา หาทางลงที่จะไม่ทำโครงการนี้ โดยหาช่องเสนอพรบ.เงินกู้ที่ต้องให้กฤษฏีกาตีความก่อนเข้าสภา เพราะถ้ากฤษฏีกาตีความว่า ทำไม่ได้ และ ผิดกฏหมาย จะได้มีข้ออ้างยกเลิกทำไงเล่า?!
แต่ของย่านี่ ขอบอกเลยว่า อย่าไปฟังหล่อนให้เสียเวลา เพราะเธอมันเป็นพวก Innocent …รู้อะไรไม่สู้ รู้งี้!
หล่อนไม่รู้หรอกว่า กว่านายกฯเศรษฐาจะทำคลอดนโยบายนี้ออกมาได้ ต้องผ่านด่านหินสุดโหด 3 ด่านมาให้ได้คือ ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ ปลัดกระทรวงการคลัง และ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และ สังคมแห่งชาติ
นายกฯเศรษฐา ยืนยันว่า เขาต้องให้เกียรติกูรูตัวจริงทั้งสามนี้ว่า อะไรทำได้ และทำอะไรไม่ได้ ก็ไม่ทำ ที่สุดนโยบายนี้ จึงคลอดออกมาได้ภายใต้ข้อสรุปว่า
1.รัฐบาลจะแจกเงิน 10,000 บาทให้แก่ผู้มีอายุเกิน 16 ปี สิริรวมจำนวน 50 ล้านคน และให้ใช้จ่ายในภูมิลำเนาตนภายใน 6 เดือน
2.ผู้ที่จะไม่ได้รับการแจกเงินดิจิทัลนี้ คือ ผู้มีเงินเดือน 70,000 บาท และมีเงินฝาก 500,000 บาท แปลอีกทีคือ ถ้ามีเงินเดือนต่ำกว่านี้ แต่มีเงินฝาก 500,000 บาท หรือ มีเงินเดือนสูงกว่านี้ แต่มีเงินฝากไม่ถึง 500,000 บาท ยังไงก็ไม่ได้…ตรงประเด็นตามที่กูรูให้ความยินยอม
3.รัฐบาลมีนโยบาย e-Refund ให้แก่ผู้ใช้จ่ายเงินซื้อสินค้า 50,000 บาท ส่งใบเสร็จขอคืนภาษีได้ 20% หรือ เท่ากับ 10,000 บาท
ทั้งหมดนี้ รัฐบาลจะออก พรบ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท โดยส่งให้สำนักงานกฤษฏีกาตรวจสอบรายละเอียดให้ก่อนนำเสนอต่อสภาเพื่อขอความเห็นชอบเป็นการดำเนินการให้เกิดความโปร่งใส โดยยืนยันด้วยว่า จะใช้แอพ “เป๋าตัง”ของธนาคารกรุงไทย ต่อยอดจากรัฐบาล “ลุงตู่” เพื่อให้เกิดความโปร่งใสมากที่สุด…โอเคมะ?!
วันที่แถลงเสร็จแล้วตรงมาพบกับผู้คนใน ไทยรัฐ น่ะ มีคนถามว่า ไอ้ที่พูดมาก่อนว่าจะไม่กู้ หรือพูดอะไรที่ไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติ จะแก้ตัวไง นายกฯเศรษฐาตอบว่า “ผมขอยอมรับผิด ผมพูดเร็วไป ถามเร็ว ก็ตอบเร็วครับ ก็ต้องขอบคุณทุกท่านที่เตือนว่า ไม่ต้องตอบบ้างก็ได้”
อย่างไรก็ตาม ภายใต้ตัวเลขที่เราเก็บสถิติมาในรอบ 10 ปี “ผมพบว่า GDP เฉลี่ยแต่ละปีของไทยเราโตเพียง 1.8 – 1.9% เท่านั้น และ นี่คือสิ่งที่ผมเชื่อว่า ประเทศไทยอยู่ในวิกฤตจริงๆ ผมจึงทำนโยบายนี้ออกมาเพื่อให้มวลชนช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกับรัฐบาล”
รักหมดใจเลย พับผ่าเหอะ!!
