“อนุทิน”ลงเรือตรวจน้ำท่วมกาฬสินธุ์ พร้อมแจกสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะผู้บริหาร ลงเรือตรวจเยี่ยมสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดกาฬสินธุ์

“อนุทิน”ลงเรือตรวจน้ำท่วมกาฬสินธุ์ กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าไปให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย พร้อมจัดตั้งศูนย์พักพิง

  • หลังปริมาณน้ำในเขื่อนเต็มความจุ
  • ต้องระบายน้ำเพื่อรักษาเสถียรภาพของตัวเขื่อน
  • จนส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือนประชาชน
  • บริเวณรอบเขื่อน พื้นที่ 6 อำเภอ 3,679 ครัวเรือน

วันที่ 8 ตุลาคม 2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะผู้บริหาร ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ตำบลคำสร้างเที่ยง อำเภอสามชัย และ ตำบลโนนศิลา อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะผู้บริหาร ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดกาฬสินธุ์

นายอนุทิน เปิดเผยว่า เข้าใจปัญหาของประชาชน และเร่งประสานทุกหน่วยงานเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้เร็วที่สุด มีข้อกำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าไปให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่กำลังประสบภัยในมิติต่างๆ ทั้งด้านการดำรงชีพ โดยการจัดตั้งศูนย์พักพิง ซึ่งปัจจุบันได้ตั้งแล้ว 20 แห่ง พร้อมกระจายถุงยังชีพพระราชทาน จากมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ชุดธารน้ำใจจากสภากาชาดไทย ถุงยังชีพเวชภัณฑ์ อาหารเสริมน้ำดื่มที่หน่วยงานต่างๆ ร่วมสนับสนุน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะผู้บริหาร ได้ลงเรือตรวจสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดกาฬสินธุ์

นายอนุทินกล่าวว่า ได้นำเครื่องจักรเข้าสนับสนุนเข้าช่วยเหลือในพื้นที่ที่มีความจำเป็น เช่น ติดตั้งสะพานเบลี่ย์ (Bailey Bridge) เรือท้องแบน เรือพลาสติก เรือยาง พร้อมเครื่องยนต์ รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถผลิตน้ำดื่มรอปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัย พร้อมเครื่องสูบน้ำ ซึ่งปัญหาของประชาชน ต้องเร่งแก้ไข หน้าที่ของเราคือบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ต้องทำงาน ให้เห็นผล

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะผู้บริหาร ได้ลงเรือตรวจสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดกาฬสินธุ์

สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ขณะนี้ ปริมาณน้ำในเขื่อนที่เต็มความจุ ต้องระบายน้ำเพื่อรักษาเสถียรภาพของตัวเขื่อน จนส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือนประชาชนบริเวณรอบเขื่อน พื้นที่ 6 อำเภอ 3,679 ครัวเรือน และผู้ว่าราชการจังหวัดได้ติดตามสถานการณ์พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอย่างใกล้ชิด

ช่องทางการติดตาม The Journalist Club