เทศกาลเที่ยวเมืองไทยกลุ่มอาหารรวย-ทัวร์ต่อ10จังหวัดฮ็อต

ททท.โชว์ผลงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยดึงคนเข้าร่วมเกินเป้า 104 % ร้านค้า 4 กลุ่มกวาดรายได้อู้ฟู่อาหารครองแชมป์แถมคนพึงพอใจ 89.82 % ปักหมุดอยากเที่ยวต่อ 10 จังหวัดยอดนิยม

  • ททท.ยิ้มออกงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยได้เกินเป้าธุรกิจทำเงินเป็นกอบกำ
  • เปิดโมเดลใหม่จัดการขยะทุกชนิดในอีเวนต์ท่องเที่ยวช่วยลดคาร์บอนเพียบ

นางสาวฐาปนีย์  เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในการจัดงาน เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 42  เมื่อ 28 มีนาคม – 1 เมษายน 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ ประสบความสำเร็จผู้เข้าร่วมงานทั้งสิ้น 152,799 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 คิดเป็น 104.88 % หรือกว่า 1 เท่า ทำได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ สร้างรายได้หมุนเวียนกับร้านค้า ร้านอาหาร ทั้ง 5 ภูมิภาค 63,487,357 บาท หลัก ๆ  4 กลุ่ม มีส่วนแบ่งรายได้กระจายตัวดังนี้ อันดับ 1 หมวดอาหารและเครื่องดื่ม 29.79 % อันดับ 2 สินค้าของที่ระลึกท้องถิ่น 24.01 % อันดับ 3 สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว  7.67 % อันดับ 4 สินค้าอื่น ๆ 2.01 % 

ผู้เข้าชมงานเกิดความประทับใจในการนำเสนออัตลักษณ์ท้องถิ่นตามโซนหมู่บ้านต่าง ๆ ทั้ง 5 ภูมิภาค ทำให้เกิดแรงบันดาลใจและความต้องการออกเดินทางท่องเที่ยวต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 89.82 % เรียงตามลำดับ 10 อันดับได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ เชียงราย ชลบุรี จันทบุรี สุราษฎร์ธานี น่าน กาญจนบุรี และระยอง ทางผู้เข้าร่วมงานยังได้แสดงความเห็นปัจจัยที่เป็นแรงกระตุ้นคือข้อมูลสินค้าและบริการท่องเที่ยว 89.49 % การจัดงานทำให้ได้เรียนรู้และได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ 87.68 % ผู้เข้างานให้ความสนใจการท่องเที่ยวชุมชนและสัมผัสวิถีไทยมากถึง 89.49 %  และสนใจท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และดูแลสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น 85.55 %

 ส่วนการเดินหน้าจัดกิจกรรม “Zero Waste to Landfills” ปีที่ 2 สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 12,857.78 กิโลคาร์บอน หรือ เทียบเท่ากับการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ 1,428.64 ต้น/ปี ตอกย้ำถึงททท.ประสบความสำเร็จเพิ่มอีกขั้นเป็นแนวโน้มที่ดีกับการสร้างการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบที่ยั่งยืน ทำให้ผู้เข้าร่วมงานและผู้ประกอบการช่วยกันคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี ใช้ภาชนะที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งให้เป็นภาระสิ่งแวดล้อม ลดการสร้างขยะในงาน จัดเก็บได้ทั้งหมด 17,537 กิโลกรัม เพื่อนำขยะแต่ละประเภทส่งต่อให้พันธมิตรนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี ได้แก่ 

“ขยะเศษอาหารหรืออินทรีย์” ส่งเข้าโครงการ “ไม่เทรวม” ของกรุงเทพมหานคร (เขตคลองเตย) นำไปหมักทำปุ๋ยส่งให้ชาวสวนทำการเกษตรใช้บำรุงต้นไม้เสริมภูมิทัศน์บริเวณเกาะกลางถนน 

“ขวด PET”  นำเข้าโครงการ You เทิร์น ของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC  นำไปเข้ากระบวนการรีไซเคิลออกเป็นผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ เช่น ผ้าปูที่นอน รองเท้าผ้า ผ้าเช็ดตัว 

“แก้วและฝาครอบ-ขวดแก้วและกระป๋องโลหะ” ส่งร้านรีไซเคิลในพื้นที่ทำรีไซเคิลอย่างถูกวิธี  มี บริษัท N15 Tecnology   รับแก้วพลาสติกและฝาครอบไปเผา รวมทั้งขยะทั่วไป นำส่งเผาในระบบปิดที่โรงงานปูนซีเมนต์โดย บริษัท N15 Tecnology ซึ่งคัดแยกขยะสู่การกำจัดที่ถูกต้อง   ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์รวบรวมลังกระดาษไปย่อยสลายและผลิตใหม่

 ผู้ว่าฯ ฐาปนีย์ กล่าวว่า ความสำเร็จดังกล่าวสอดคล้องตามความตั้งใจของ ททท. พร้อมจะยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวการก้าวไปข้างหน้าที่ดียิ่งขึ้น โดยมีหัวใจสำคัญ 4 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 สร้างระบบนิเวศทางการท่องเที่ยวใหม่ หรือ New Ecosystem ส่วนที่ 2 มุ่งสู่การท่องเที่ยวสร้างมลพิษเป็นศูนย์ Net Zero Tourism ส่วนที่ 3 ก้าวสู่เป้าหมายการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน Sustainable Tourism อย่างแท้จริง ส่วนที่ 4 สร้างความมั่นคงทางการท่องเที่ยว Tourism Security ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยเติบโตแข็งแกร่ง มั่นคง ยั่งยืน มีภูมิคุ้มกันระยะยาว และสมดุลทุกมิติ พร้อมเป็นฟันเฟืองสำคัญของประเทศสร้างรายได้หมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศเติบโตอย่างมีคุณภาพต่อไป -เรื่องโดย #เพ็ญรุ่งใยสามเสน