เปิดทางขึ้นเขาพระวิหารศรีสะเกษ เปลี่ยนสนามรบสู่ท่องเที่ยวระดับโลก

เปิดทางขึ้นเขาพระวิหารศรีสะเกษ เปลี่ยนสนามรบสู่ท่องเที่ยวระดับโลก ถอดสลักประตูเหล็ก สู่โลกแห่งโอกาสสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่ ขจัดความจน ผู้คนหน้าใส

  • ตอนกลางคืนดูดาว ชมทางช้างเผือก
  • ตอนเช้าชมพระอาทิตย์ขึ้น 3 แผ่นดิน
  • จุดชมทะเลหมอกที่สวยงามมากในฤดูฝน
  • ทั้งหมดนี้ที่ผามออีแดง ทางจ่อขึ้นเขาพระวิหารฝั่งไทย

นายอนุพงษ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า การเปิดจุดผ่อนปรนข้ามแดนทาง อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อเป็นทางขึ้นฝั่งไทย ให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมเขาพระวิหาร ได้หารือกับหลายภาคส่วน ซึ่งทุกคนอยากเห็นความร่วมมือการใช้ทรัพยากรที่บรรพชนสร้างไว้ให้ จนกลายเป็นมรดกโลกร่วมกัน โดยทางจังหวัดศรีสะเกษ ได้ร่วมกับหลายภาคส่วนเตรียมความพร้อมในวันที่จะปลดล็อกเปิดทางขึ้นเขาพระวิหารทางศรีสะเกษ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ทันที ทั้งเรื่องถนนหนทาง ที่ลาดยางอย่างดี สะดวกสบาย เข้าถึงพื้นที่ได้ง่าย

นายอนุพงษ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ

รวมไปถึงการวางระบบดูแลบริเวณพื้นที่ด้านความมั่นคง การจัดการเรื่องข้อกฎหมาย การเตรียมการเรื่องตม. การบริหารจัดการเรื่องการท่องเที่ยวให้ไม่มีมลพิษ การดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว การจัดเตรียมแรงงานสำหรับการให้บริการ รวมไปถึงการป้องกันไม่ให้มียาเสพติดในพื้นที่

สำหรับเรื่องที่พักของนักท่องเที่ยว หากมีการเปิดจุดผ่อนปรนฯทางขึ้นเข้าพระวิหารฝั่งไทยจริงๆ ก็มีที่พักพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว เนื่องจากอ.กันทรลักษณ์ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาพอสมควรจากการโปรโมตท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยเฉพาะทุเรียนภูเขาไฟ ขณะที่ความสัมพันธ์กับคนในพื้นที่กับประเทศเพื่อนบ้านก็อยู่ในระดับที่ดี มีการแข่งกีฬาเชื่อมสัมพันธ์ การช่วยเหลือด้านสาธารณสุข และเปลี่ยนองค์ความรู้และข้อมูลระหว่างกัน

นายอนุพงษ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ

“ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น หอการค้าจังหวัด ข้าราชการ ภาคประชาสังคม เห็นด้วยในความร่วมมือกับกัมพูชา ที่จะเปิดจุดผ่อนปรน ทางขึ้นเขาพระวิหารด้านจ.ศรีสะเกษ ดังนั้นผมคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้จริง ทางจังหวัดได้เสนอเรื่องไปแล้ว จึงอยู่ที่ระดับบนจะตัดสินใจหรือหารือกับทางกัมพูชา เพื่อให้เกิดความร่วมมือกันต่อไป” ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษกล่าว

นางจิตร อาจสัญจร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร

ขณะที่นางจิตร อาจสัญจร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร กล่าวว่า จังหวัดศรีสะเกษได้ตั้งคณะทำงานเตรียมความพร้อม ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ฝ่ายปกครอง องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ฝ่ายความมั่นคง ด่านตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) ศุลกากร อุทยานฯ ซึ่งการหารือของทุกฝ่ายตอนนี้มองว่าในระดับพื้นที่มีความพร้อมหมดแล้ว รอเพียงระดับนโยบายเท่านั้น

สำหรับเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว ทางอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ได้เรียกประชุมทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการร้านค้าที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 40 ราย ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ของที่ระลึก รวมถึงดูแลจุดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวบนอุทยานฯ ให้พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว มีที่จอดรดกว่า 400 คัน คาดว่าถ้ากลับมาเปิดจุดผ่อนปรน จะช่วยให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ในอดีตเคยมีนักท่องเที่ยวสูงสุดจำนวน 500,000-700,000 คนต่อปี

สำหรับในช่วงที่ปิดจุดผ่อนปรน จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติขึ้นมาเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ที่ผามออีแดง อยู่ประมาณเฉลี่ยปีละ 200,000-240,000 คน แต่ช่วงมีโควิด-19 จะอยู่ที่ 170,000-180,000 คนต่อปี โดยที่นักท่องเที่ยวไม่ได้ขึ้นไปบนปราสาทเขาพระวิหาร ถ้าจุดผ่อนปรนเกิดขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวก้จะเพิ่มขึ้นไปอีก โดยอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จัดเก็บรายได้จากค่าเข้า และค่าธรรมเนียมต่างๆ ประมาณปีละ 7-10 ล้านบาทต่อปี” หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารกล่าว

นายสวัส ลุนผง หัวหน้าฝ่ายจัดการทรัพยากร อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร

ทางด้านนายสวัส ลุนผง หัวหน้าฝ่ายจัดการทรัพยากร อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร กล่าวว่า ได้ดูแลงานที่เกี่ยวกับจุดท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร มาตั้งแต่ปี 2539 โดยมีภารกิจดับไฟป่าควบคู่กันไปด้วย ส่วนตัวอยากเห็นจุดผ่อนปรน ทางอขึ้นเขาพระวิหารฝั่งไทย กลับมาเปิดอีกครั้ง เพราะจะส่งผลโดยตรงกับรายได้ของคนในพื้นที่ โดยเศรษฐกิจของ อ.กันทรลักษ์ และพื้นที่ต่อเนื่องกันจะดีขึ้นทันที เห็นได้จากจากข้อมูลโดยปกติที่รายได้ของชุมชนที่เกิดต่อเนื่องจากนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาบนอุทยานฯ เช่น ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับที่พัก พาหนะเดินทาง ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก จะอยู่ที่ประมาณ 15 เท่า ของรายได้ที่อุทยานฯจัดเก็บได้ เช่น ปัจจุบันที่อุทยานจัดเก็บรายได้ได้ประมาณ 10 ล้านบาทต่อปี ก็สร้างรายได้ต่อเนื่อง 150 ล้านบาท ซึ่งหากจุดผ่อนปรนฯ กลับมาเปิดอีกครั้ง รายได้ต่อเนื่องจะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล

นายสวัส ลุนผง หัวหน้าฝ่ายจัดการทรัพยากร อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร

นายสวัส กล่าวว่า แหล่งท่องเที่ยว บนอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร มีความพร้อมในทุกจุด ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม เช่น ผามออีแดง จะเปิดให้กางเต็นท์ และมีบ้านพักอุทยานไว้บริการ ตอนกลางคืนจะมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยว ดูดาว ชมทางช้างเผือก ส่วนตอนเช้าก็จะมีจุดชมพระอาทิตย์ที่สวยที่สุดจุดหนึ่งของประเทศ หรือที่เรียก จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นเรียกตะวัน 3 แผ่นดิน เนื่องจากบริเวณผามออีแดงจะสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นชัดที่สุดผ่านรอยต่อระหว่าง 3 ประเทศคือ ลาว กัมพูชา และไทย เรียกว่า สามเหลี่ยมมรกต นอกจากนี้ยังเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามมากในฤดูฝน

นอกจากนี้ ในพื้นที่อุทยานฯ ยังเป็นที่ตั้งของแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ อารยธรรมที่น่าสนใจ เช่น ปราสาทโดนตวล ที่ประวัติการก่อสร้างมีความเก่าแก่ใกล้เคียงกับปราสาทนครวัด และรายละเอียดของตัวปราสาทยังเป็นแหล่งเรียนรู้อารยธรรมมากมาย รวมไปถึงสถูปคู่ ที่มีประวัติความเป็นมาเกี่ยวเนื่องกับปราสาทโดนตวล และ ภาพแกะสลักนูนต่ำ อยู่บริเวณผาอีมอแดง ที่คาดว่าเป็นการภาพที่ช่างได้แกะเป็นต้นร่าง ก่อนจะแกะสลักจริงบนเขาพระวิหาร มีรายละเอียดให้ศึกษาสำหรับผู้ที่มีความสนใจในอารยธรรมโบราณ

ประตูเหล็กด่านสุดท้ายที่จะเปิดไปสู่ทางขึ้นเขาพระวิหาร

ขอบคุณภาพประกอบหน้าปกจาก เฟซบุ๊ก เก๋ โดนตวน https://www.facebook.com/profile.php?id=100007372447360&sk=photos