ธ.ก.ส.จ่อเสนอครม.ขยายมาตรการพักชำระหนี้เกษตรกร จากเดิมไม่เกิน 300,000 บาท เป็นเกิน 300,000 บาท
- มีลูกค้าราว 1 ล้านบาท
- เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรเพิ่ม
- เฟสแรกช่วย 1.8 ล้านคน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ภายในเดือนเม.ย.67 จะพิจารณาออกมาตรการพักหนี้เกษตรกรระยะ 2 เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ ธ.ก.ส.ที่มีหนี้ทุกบัญชีรวมกันเกิน 300,000 บาทขึ้นไป ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากมาตรการพักหนี้ระยะแรก ที่สิ้นสุดไปเมื่อ 31 มี.ค.67 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน ธ.ก.ส.มีลูกหนี้ที่มีหนี้เกิน 300,000 บาท อยู่ 1 ล้านบัญชี แต่จะต้องเข้าไปดูว่าจะช่วยเหลือลูกหนี้ได้ถึงวงเงินเท่าไร แต่คงไม่ถึง 1 ล้านบาท เพราะจะเป็นภาระงบประมาณในการชดเชยดอกเบี้ยมากเกินไป
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า มาตรการพักหนี้เกษตรกรระยะ2 จะเน้นกลุ่ม ลูกหนี้ที่มีวงเงินสินเชื่อใหญ่มากกว่าระยะแรก ซึ่งรวมถึงวิสาหกิจชุมชน นิติบุคคล เอกชน ที่เข้าข่ายในการได้รับพิจารณาด้วย โดยช่วงนี้ธ.ก.ส.กำลังพิจารณาจัดทำกลุ่มที่จะได้รับการช่วยพักหนี้ระยะสองอยู่ ซึ่งจะมีการกำหนดเงื่อนไข กลุ่มลูกค้า วงเงินสินเชื่อว่าควรจะอยู่เท่าไร รวมถึงการของบประมาณชดเชยดอกเบี้ยจากรัฐบาล และจากนั้นจะนำเสนอให้คณะกรรมการ ธ.ก.ส.พิจารณา เพื่อให้เลือกว่าจะเลือกแพ็คเก็จช่วยได้แค่ไหน รัฐจะใช้วงเงินชดเชยดอกเบี้ยเท่าไร เพื่อให้ธนาคารดำเนินการได้ต่อไป
สำหรับมาตรการพักชำระหนี้สำหรับลูกค้ารายย่อย ระยะแรก ให้กับลูกหนี้ที่มีวงเงินทุกบัญชีไม่เกิน 3 แสนบาท ที่ปิดลงทะเบียนไปแล้วนั้น มีลูกค้า ธ.ก.ส. แจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการทั่วประเทศแล้วกว่า 1.8 ล้านคน ยอดหนี้ทั้งหมดจำนวน 255,800 ล้านบาท
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ส่วนปัญหาหนี้สินของเกษตรกรไทย เกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนของรายได้ เนื่องจากมีการพึ่งพาปัจจัยการผลิตจากธรรมชาติ เช่น ฝนฟ้าไม่ตกเกิดภัยแล้ง หรือเกิดน้ำท่วมพืชผลก็เสียหาย ทำให้เกษตรกรกลายเป็นหนี้เสียทันที ดังนั้นระหว่างที่มีการพักหนี้ ธนาคารจึงมุ่งเข้าไปช่วยเหลือ สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร ด้วยการเพิ่มรายได้ เพราะหากเกษตรกรแข็งแรง ธนาคารก็แข็งแรงไปด้วย ซึ่งจะเป็นการช่วยแก้ปัญหาหนี้ได้ในระยะยาว
“ที่สำคัญโครงการพักการชำระหนี้ของเกษตรกรรอบนี้ มีความแตกต่างจากครั้งที่ผ่านๆมา เพราะครั้งนี้รัฐบาลเป็นผู้จ่ายภาระดอกเบี้ยแทนเกษตรกร ไม่เหมือนกับการพักชำระหนี้ครั้งก่อน ที่รัฐบาลไม่ได้มีการรับภาระดอกเบี้ยของเกษตรกร เป็นเพียงให้เกษตรกรพักการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งเมื่อพ้นระยะการพักการชำระหนี้แล้ว ภาระหนี้ของเกษตรกรก็ไม่ได้ลดลง แต่รอบนี้ ถ้าเกษตรกรนำเงินมาชำระหนี้ในช่วงที่มีการพักหนี้อยู่ เงินที่ชำระหนี้ทั้งหมดจะนำมาตัดที่เงินต้นไปทั้งหมดทันที ทำให้เมื่อพ้นระยะเวลาการพักการชำระหนี้แล้ว เงินต้นของเกษตรกรจะลดลง จึงขอแนะนำให้เกษตรกรหากมีกำลังเพียงพอก็สามารถรีบมาจ่ายหนี้ได้”
ส่วนเกษตรกรรายใด มีภาระดอกเบี้ยที่ค้างชำระ หากนำเงินมาชำระหนี้ในระหว่างระยะเวลาการพักการชำระหนี้ เงินที่นำมาชำระหนี้ จะไม่นำไปตัดภาระดอกเบี้ยค้างชำระทั้งหมด แต่จะแบ่ง 50 %ไปตัดที่เงินต้น และอีก 50 % ไปตัดภาระดอกเบี้ยค้างชำระ ทำให้หนี้เงินต้นค่อยๆลดลง