ททท.นำธุรกิจท่องเที่ยวภูเก็ตปี’67 ทำรายได้” 4 แสนล้านบาทคุมจำนวนคนโตไม่เกิน 10% ไตรมาส 1/67 โรงแรมรีสอร์ตตีปีกทำราคาขาย ADR ต่อห้องต่อคืนแซงปี’62 เรียบร้อยแล้วนักท่องเที่ยวใช้จ่ายสูง 9,500 บาท/คน/ทริปลุยตลาดเที่ยวได้ทั้งปี 365 วัน
- ททท.ภูเก็ตปลุกท่องเที่ยวหลังโควิดปี’67พลิกโฉมรับเทรนด์ใหม่ Young Gen ครอบครัว
- ปลดล็อกทัวร์คนไทยต่างชาติล้นเกาะ เพิ่มจุดขายเที่ยวชุมชนยั่งยืน
- มองข้ามช็อตตลาดหน้าฝนเล็งเพิ่มตะวันออกกลางมาเลย์สิงคโปร์ฮ่องกง
นายเลิศชาย หวังตระกูลดี ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต เปิดเผยว่า ปี 2567 ภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศกว่า 70 % คนไทยเกือบ 30 % ตั้งเป้าจะทำรายได้ให้ได้ถึง 400,000 ล้านบาท พร้อมกับเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโต 5-10 % จากปี 2566 ปีนี้จะบริหารจัดการควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ให้มากเกินขีดความสามารถของพื้นที่เกาะไม่ควรรับคนปริมาณมากเกินไป แต่จะหันไป “เพิ่มรายได้” กระตุ้นให้ใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น โดยต้องให้ความสำคัญเรื่องสินค้าท่องเที่ยวเพื่อกระจายเม็ดเงินลงสู่ชุมชนให้มากที่สุด พร้อมกับขานรับนโยบายรัฐบาลกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวได้ทั้งปีตลอด 365 วัน
โดยภาพรวมปี2567 แนวโน้มการท่องเที่ยวภูเก็ตวิเคราะห์จากฐานตัวเลขนักท่องเที่ยวปี2566 ภูเก็ตสร้างรายได้ 380,000 ล้านบาท ทำสถิติมากเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวทำได้กว่า 11 ล้านคน เป็นรองจังหวัดชลบุรีทำได้ถึง 23 ล้านคน ทำรายได้ท่องเที่ยวเพียง 230,000 ล้านบาท บ่งบอกถึงภูเก็ตมีจำนวนนักท่องเที่ยวน้อยกว่าชลบุรีเกือบครึ่งแต่รายได้กลับมากกว่าเกินครึ่งเช่นกัน ตอกย้ำถึงการใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยวในภูเก็ตเฉลี่ยทำได้ถึง 9,500 บาท/คน/วัน
ขณะที่มี “เที่ยวบิน” เข้าออกท่าอากาศยานภูเก็ตปี2567 ตั้งเป้าหมายจะฟื้นกลับมาให้ได้ 400 เที่ยว/วัน ใกล้เคียงกับปี2562 ก่อนสถานการณ์โควิดมีประมาณ 350 เที่ยว/วัน ถึงแม้ปัจจุบันภูเก็ตอาจจะเป็นข้อจำกัดในการบริหารจัดการปริมาณนักท่องเที่ยวเข้าออกอยู่บ้าง แต่ก็สามารถแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวเดินทางเชื่อมโยงกับพื้นที่ใกล้เคียงได้ทั้งจาก กระบี่ พังงา นครศรีธรรมราช ผนวกกับการตรวจสอบข้อมูลกับทางผู้ประกอบการโรงแรมในภูเก็ตเดือนธันวาคม2566 ทำได้เกิน80% ตั้งแต่ต้นปี2567 ที่พักส่วนใหญ่สามารถสร้างรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อวัน (ADR :Average Daily Rate )แซงปี2562 ไปเรียบร้อยแล้วด้วยเหมือนกัน
ผอ.เลิศชาย กล่าวว่าสถานการณ์หลังโควิดโครงสร้างนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาเที่ยวภูเก็ตเปลี่ยนไปอันดับ1 เป็นนักเดินทางรุ่นใหม่ หรือกลุ่ม Young Traveller จึงต้องคัดเลือกสินค้าท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับตลาดใหม่โดยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) และอื่นๆ สนับสนุนอย่างเต็มที่ททท.วางแผนหาตลาดใหม่ศักยภาพสูงมาเสริมช่วงฤดูฝน เช่น ตะวันออกกลาง ซาอุดิอาระเบีย โอมาน อิสราเอล ออสเตรเลีย และตลาดระยะใกล้จาก มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง และจีน
ช่วงไตรมาส1 ปี2567 มีสัญญาณชัดเจนมี “นักท่องเที่ยวต่างชาติ”จองห้องพักต่อเนื่องตลอดฤดูท่องเที่ยว (High Season) ยาวไปจนถึงมีนาคม2567 ส่งผลดีกับโรงแรมรีสอร์ตทั้งเกาะภูเก็ตมีมากถึง 2,000 แห่ง กว่า 112,000 ห้อง สามารถทำอัตราเข้าพักเฉลี่ย (OR :Occupacy Rate) ได้เกิน 80 %พร้อมกระจายไปยังพื้นที่รองได้มากขึ้น ส่วน “นักท่องเที่ยวไทย” ยังคงเดินทางมาภูเก็ตจำนวนมาก โดยจะเน้นขายการท่องเที่ยวหรูหราเจาะกลุ่มกำลังซื้อระดับบน
สำหรับการวางกลยุทธ์เพิ่มรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวมายังภูเก็ต ททท.จะเน้นขับเคลื่อน 3 ส่วนหลักได้แก่1. เลือกจัดอีเวนต์ระดับนานาชาติให้โดดเด่นจะเป็นพลังดึงดูดคนเข้าภูเก็ต โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism) เช่น วิ่งมาราธอนร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม ได้รับความนิยมสูงมาก 2. เลือกสินค้าท่องเที่ยวมานำเสนอขายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลผ่านเข้ามาทางท่าอากาศยานภูเก็ตมากถึงวันละ 50,000-60,000 คน แซงสนามบินดอนเมืองไปเรียบร้อยแล้ว มาจาก ต่างประเทศ 30,000-40,000 คน คนไทยอีกประมาณ 10,000-20,000 คน
ส่วนที่ 3 เปิดการท่องเที่ยวใหม่เส้นทางชุมชนเพื่อกระจายนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมาก เช่น ชุมชนบางโรง ชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต รองรับตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มเรือสำราญขึ้นมาเที่ยวช่วงเวลาสั้นๆ ครึ่งวัน ครั้งละ 3,000-4,000 คน กระจายไปเที่ยวชุมชนร่วมทำกิจกรรมวิถีชีวิตวัฒนธรรม เพิ่มรายได้เข้าท้องถิ่นได้มากขึ้น
ททท.สำนักงานภูเก็ต วางกลยุทธ์สร้างรายได้ท่องเที่ยวตลอดปี2567 ให้เป็นไปตามเป้าหมาย 400,000 ล้านบาท ภายใต้การบริหารจัดการปริมาณหรือจำนวนคนให้สอดคล้องกับพื้นที่รองรับไม่ให้เกินขีดความสามารถพื้นที่เกาะ ให้สามารถท่องเที่ยวได้ตามนโยบายรัฐบาลไทยภูเก็ตเที่ยวได้ทั้งปีตลอด 365 วัน -เรื่องโดย เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
