นายกฯเศรษฐาสั่งลุยนำไทยฮับบินโลกใช้แผน Quick Win

นายกฯเศรษฐาลุยวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND AVIATION HUB” นำไทยผงาดฮับการบินโลก เปิดนโยบาย Quick win  ภายใน 6 เดือน ผู้โดยสารไม่ต้องรอคิว

  • นายกฯลั่นยกเครื่องแผนลงทุนสนามบินทั้งประเทศนำไทยผงาดฮับการบินโลก
  • พลิกโฉมสุวรรณภูมิดอนเมืองแจ้งเกิดอันดามันล้านนาแนะบินไทยทวงคืนอันดับ 3 เอเชีย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้แสดงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND AVIATION HUB” ผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินและการขนส่งสู่อนาคตที่ยั่งยืน เมื่อวันที่ 1 มี.ค.67 ที่ทำเนียบรัฐบาล ประกาศตั้งเป้าเป็นที่ 1 แห่งภูมิภาคเอเชีย ส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว สร้างรายได้และความกินดีอยู่ดีเข้าสู่ประเทศ โดยรัฐบาลไทยเชื่อถึงการระเบิดศักยภาพของไทยออกมาขับเคลื่อนประเทศเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาคเอเชีย มีเป้าหมายจากนี้ไปอีก 1 ปี สนามบินสุวรรณภูมิจะต้องติดอันดับ Top1ใน 50 ของโลก อีก 5 ปีหน้า ภายในปี73 จะต้องติดอันดับ 20 ของโลก ให้บริการผู้โดยสารได้ปีละ 150 ล้านคน ทำให้อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องทั้งการขนส่งสินค้า การท่องเที่ยวเติบโตควบคู่ไปได้ด้วยสามารถสร้างประโยชน์กับประเทศในหลายมิติทั้งการนำเศรษฐกิจเติบโตก้าวกระโดด นักท่องเที่ยวและบริษัทต่าง ๆ เลือกมาตั้งองค์กรทำงานมากขึ้น ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทุกภาคได้รับความนิยม กับเพิ่มเชื่อมต่อเที่ยวบินระหว่างประเทศ การกระจายสินค้าส่งออกทั่วโลก เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 

วันนี้รัฐบาลจึงเล็งเห็นถึงโอกาสผลักดันนโยบายประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินโลกนับจากปี67 ไปอีก 5 ปีข้างหน้า ธุรกิจร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม SMEs ทั้งหลาย จะทำให้เศรษฐกิจไทยไปได้อีกไกล โดยจะทยอยปลดล็อกปัญหาปัจจุบันให้แล้วเสร็จ 5 ส่วนหลัก ดังนี้ 1. แผนเร่งด่วน Quick Win ภายใน 6 เดือน ปี67 มั่นใจจะไม่เห็นผู้โดยสารต้องรอคิวในสนามบินสุวรรณภูมิอีกต่อไป เพราะกำลังแก้ไขและพัฒนา 5 เรื่องลัก ประกอบด้วย1. จะขยายสุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสารให้ได้จริงปีละ 60 ล้านคน 2.ก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 ให้แล้วเสร็จพร้อมเปิดใช้บริการได้ภายในเดือนต.ค.67 รองรับเครื่องบินขึ้นลงได้ชั่วโมงละ 90 ลำ แทนที่ปัจจุบันได้เพียงชั่วโมงละ 60 ลำ ช่วยผลักดันเศรษฐกิจเติบโตได้ดี 

3.บริการภาคพื้นในสนามบินต้องปรับปรุงเร่งด่วน ช่วงที่ผ่านมาในโซเชียล มีเดีย กล่าวถึงกันอยู่ตลอดเป็นอุปสรรคกับผู้ใช้บริการ 4.จะต้องเปิดพื้นที่บริการเครื่องบินส่วนตัว ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นสูงสุวรรณภูมิต้องรีบสร้างเพื่อเปิดประตูรับเงินเข้าประเทศปีละหลายล้านบาท  ขณะนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. ได้ทำเช็คอินอัตโนมัติให้ผู้โดยสารด้วยตนเอง Self Check in แล้วอาจเปิดล่วงหน้าก่อนขึ้นเครื่อง 6 ชั่วโมง กับเพิ่มจำนวนบริษัทภาคพื้นดินขนส่งกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารใช้การประกวดราคาเพื่อหาผู้ชนะเข้ามาให้บริการดีที่สุด

2.ขยายโครงสร้างพื้นฐานสนามบินสุวรรณภูมิระยะยาวทั้งหมด ได้แก่ อาคารคลังสินค้า ซัพพลายเชน เพราะไม่เฉพาะการดูแลผู้โดยสารอย่างเดียวต้องขนส่งสินค้าด้วย ปัจจุบันมีอาคารหลักอยู่แล้ว กำลังพิจารณาก่อสร้างอาคารด้านทิศใต้ จะเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้อีกปีละ 30 ล้านคน กับอาคารด้านทิศตะวันออกและตะวันตก 60 ล้านคน ต่อไปก็จะรองรับได้มากถึงปีละ 150 ล้านบาท ควบคู่กับเชื่อมถไฟฟ้าเข้าสู่อาคารผู้โดยสาร และมีพื้นที่ให้พันธมิตรสายการบินนานาชาติของโลก 2 กลุ่มใหญ่ คือ Star Alliance และ One World เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารของสมาชิกทั้งสองกลุ่มได้เป็นอย่างดี 

รวมทั้งเพิ่มการก่อสร้างรันเวย์ที่ 4 มีความสำคัญที่จะขยับศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางอากาศ หากทำได้ตลาดขนส่งสินค้าในกลุ่มประเทศ CLMV กัมพูชา-สปป.ลาว-เมียนมา-เวียดนาม ก็จะของไทย ช่วงที่ผ่านมาสุวรรณภูมิมีสินค้าส่งออกเพียง 1 ล้านตัน/ปี เปรียบเทียบกับสิงคโปร์ 1.8 ล้านตัน ฮ่องกง 3.9 ล้านตัน/ปี ต้องเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกด้วยวิธี 1.จะต้องนำระบบออโตเมชั่นทางเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพิ่มความทันสมัยไม่ให้เกิดคอขวด 2.ขยายพื้นที่คลังสินค้ามากขึ้น วางมาตรฐานอุณหภูมิควบคุมสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจูงใจให้ลูกค้าเลือกมาใช้บริการสุวรรณภูมิขนส่งต่อโลจิสติกส์ไปยังประเทศต่างๆง่ายขึ้น และ3.เปิดพื้นที่ Free Trade Zone 

3.สนามบินนานาชาติดอนเมือง จะเปลี่ยนให้เป็น Point to Point Airport ศูนย์กลางหลัก มีจุดเด่นเข้าออกได้รวดเร็ว ปรับเป็นเวอร์ชั่นใหม่ รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นปีละ 50 ล้านคน จากปัจจุบันปีละ 30 ล้านคน สูงเกินความจริงเต็มรับได้เพียงปีละ 27 ล้านคน ส่งผลกระทบริการ นโยบายใหม่ให้สร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่ รองรับได้อีก 23 ล้านคน แล้วเปลี่ยนหลังเดิมเป็นอาคารในประเทศรับผู้โดยสารได้ปีละ 27 ล้านคน ทำให้ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ร้านค้า ร้านอาหาร เติบโตได้ด้วย ผนวกเข้ากับใช้สะพานเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสีแดงเข้าสู่อาคารผู้โดยสารดอนเมือง ปี70 ขยายที่จอดรถในดอนเมืองเพิ่มเป็น 5 เท่า รับได้ 7,600 คัน ระยะสั้นภายใน 3 เดือนนี้จะเพิ่มที่จอดรถอีก 1,000 คัน 

4.ขยายสนามบินภูมิภาคหลักๆ ได้แก่ สนามบินอันดามัน ภาคใต้ นอกจากขยายสนามบินนานาชาติภูเก็ตแล้ว ยังมี ระนอง กระบี่ พังงา ผนวกทำเพิ่มโครงการ Seaplane Terminal ในสนามบินภูเก็ตโดยใช้พื้นที่ทางทะเลให้เครื่องบินลงได้โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มมาก“สนามบินล้านนา” ภาคเหนือ ตอนนี้มีสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ ปรับนโยบายเปิดบริการ 24 ชั่วโมง ยังจะต้องพัฒนาสนามบินภาคอื่น ๆ ในเมืองรองทั่วประเทศ โดยได้หารือกับกองทัพอากาศเพื่อแชร์ใช้น่านฟ้าไม่ให้เกิดแออัดมากเกินไป ช่วยให้รัฐบาลนี้มีทั้งความมั่นคงและมั่งคั่งควบคู่กันไป

5.ใช้ศักยภาพศูนย์กลางอาหารผนวกกับศูนย์กลางการบิน ทำให้ไทยเป็น Kitchen of the World ให้ทั่วโลกมาสั่งอาหารของไทยต่อเนื่องถึงการกระจายสินค้ากลุ่มCLMV จากไทยไปตลาดโลกโดยไทยพร้อมใช้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือในระบบพันธมิตรสายการบิน : Partnership ร่วมกับทุกสายการบิน ร้านค้า ร้านอาหาร นำสินค้าบริการไปอยู่ในเว็บไซต์ หารือกับโรงแรม ทำโปรโมชั่น ช่วงสัปดาห์นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปร่วมงานท่องเที่ยวรายการใหญ่ของโลก ITB 2024 กรุงเบอร์ลิน เยอรมัน จะพูดคุยกับโรงแรม แอร์ไลน์สต่างๆ เพื่อเซ็ตเรื่องที่ดีของเมืองไทยเสนอขายท่องเที่ยวปี68 รวมทั้งต้องสนับสนุนการบินไทยพัฒนาสายการบินแห่งชาติให้แข็งแรง ตอนนี้กำลังเพิ่มฝูงบิน จัดเส้นทางบิน และระบบขายตั๋วโดยสาร ซึ่งอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการมีโอกาสกลับมาเป็นอันดับ 3หรือ 4 ของเอเชีย ไม่แพ้สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส และคาเธย์ แปซิฟิก -เรื่องโดย เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน