“พีระพันธุ์” ดันลดค่าไฟ น้ำมัน ก๊าซหุงต้ม มอบเป็นของขวัญปีใหม่

“พีระพันธุ์” ลุยจัดเต็มทุกมาตรการ ลดค่าไฟ-น้ำมัน-ก๊าซหุงต้ม ให้เป็นของขวัญปีใหม่ประชาชน ลั่นปี 67 จ่อรื้อกฎหมาย ปรับโครงสร้างราคาพลังงานทุกชนิด

  • เผยค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค. – เม.ย.67 จะอยู่ที่ไม่เกิน 4.20 บาทต่อหน่วย
  • ย้ำการลดภาระค่าใช้จ่ายครั้งนี้ เป็นเพียงมาตรการระยะสั้น
  • เตรียมรื้อกฎหมาย ปรับโครงสร้างราคาพลังงานเพื่อให้ราคาพลังงานมีความยั่งยืน เป็นธรรมกับทุกฝ่าย

วันนี้ (19 ธ.ค.66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กล่าวหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน เพื่อลดความเดือดร้อนจากราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูงตามที่กระทรวงพลังงานได้เสนอ โดยมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ประกอบด้วย มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งที่ประชุม ครม.ได้มีมติให้ตรึงราคาน้ำมันดีเซล ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลา 3 เดือน ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 31 มี.ค. 2567 โดยกระทรวงพลังงานจะหารือกับกระทรวงการคลังในการบริหารจัดการด้านราคา ใช้กลไกของภาษีสรรพสามิตและกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

ส่วนราคาก๊าซหุงต้มที่ประชุม ก็ได้มีมติให้ตรึงราคาที่ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม เป็นระยะเวลา 3 เดือน ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 31 มี.ค. 2567 โดยบริหารผ่านกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

นอกจากนี้ ในส่วนมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้า ที่ประชุม ครม. ก็ได้มีมติให้ปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และ ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2566 นอกจากนั้น ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย รับภาระเงินคงค้างสะสม (AF) สำหรับงวดเดือนม.ค. – เม.ย. 2567 แทนประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าไปพลางก่อน

ส่วนบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะมีการทบทวนสมมติฐานปริมาณและราคาก๊าซธรรมชาติที่ใช้ในการคำนวณอัตราค่าไฟฟ้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และจะมีการนำส่วนลดค่าก๊าซธรรมชาติ จำนวน 4,300 ล้านบาท จากการขาดส่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยของผู้ผลิต (Shortfall) ในช่วงปลายปี 2564 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2565 มาช่วยลดราคาก๊าซธรรมชาติในรอบนี้ด้วย ซึ่งจากมาตรการดังกล่าวทั้งหมด จะทำให้ค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค. – เม.ย. 2567 จะอยู่ที่ไม่เกิน 4.20 บาทต่อหน่วย

ทั้งนี้ ในส่วนของกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน จะได้รับส่วนลดเพิ่ม 21 สตางค์ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 17 ล้านครัวเรือน โดยจะจ่ายค่าไฟฟ้าในอัตราเดิมคือ 3.99 บาทต่อหน่วย โดยในส่วนนี้จะใช้งบกลางในการบริหาร คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 1,950 ล้านบาท

“หลังได้รับตำแหน่ง ผมและข้าราชการเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงาน ได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่กระทรวงพลังงานนำเสนอเข้าที่ประชุม ครม.ในวันนี้ ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการหาแนวทาง ใช้ทุกมาตรการ เพื่อลดราคาพลังงานทุกชนิดให้แก่ประชาชน ที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ราคาก๊าซธรรมชาตินำเข้าจากต่างประเทศอยู่ในระดับสูง ก๊าซธรรมชาติจากแหล่งในประเทศก็ยังผลิตไม่ได้ตามแผน เนื่องจากมีการเปลี่ยนผ่านผู้รับสัมปทาน อีกทั้งสงครามภายนอกที่ยืดเยื้อ และพลังงานสะอาด ทั้งพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ ที่มีอยู่ในระบบปัจจุบัน ก็ยังมีต้นทุนสูง ทั้งหมดล้วนส่งผลกระทบมาเป็นต้นทุนค่าไฟ และที่ผ่านมา ก็ได้รับการช่วยเหลือจาก กฟผ. ในการแบกรับภาระค่าไฟฟ้าบางส่วนมาโดยตลอด รวมทั้งให้ประมาณการราคาก๊าซธรรมชาติให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นธรรม ดังนั้นผมต้องรักษาสมดุลให้กับทุกฝ่าย”

นายพีระพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของน้ำมันก็ได้หารือกับกระทรวงการคลังในการใช้กลไกการลดการเก็บภาษีสรรพสามิตเพื่อให้สามารถตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อไปอีก 3 เดือน ส่วนราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินที่ตนได้สั่งการให้มีการลดราคาตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 2566 ก็ยังมีผลต่อเนื่องยาวไปจนถึง 31 ม.ค. 2567

ทั้งนี้ ก็ขอยืนยันอีกครั้งว่าการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ ครม.มีมติในวันนี้ ถือเป็นของขวัญปีใหม่จากกระทรวงพลังงาน แต่เป็นเพียงมาตรการระยะสั้นเท่านั้น ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการรื้อกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ ให้มีความทันสมัย เหมาะสมกับสถานการณ์ ประชาชนจะต้องได้รับประโยชน์สูงสุด จะไม่มีเสียงครหาว่ากระทรวงพลังงานเอื้อกลุ่มทุนพลังงาน