“บิ๊กโจ๊ก”เผยใช้แผนปฏิบัติการเด็ดปีก “อัลคา โปน” กับคดี “กำนันนก”

“บิ๊กโจ๊ก”เผยใช้แผนเด็ดปีก “อัลคา โปน” กับคดี “กำนันนก” บูรณาการทุกหน่วยงานตรวจสอบเส้นทางการเงิน ไล่ยึดทรัพย์

  • เผยคำให้การตำรวจขัดแย้งทั้งหมดกับคลิปวงจรปิดที่กู้ได้
  • เข้าข่ายเรื่องการให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน

วันนี้(15กันยายน 2566 ) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ถึงความคืบหน้าคดีกำนันนก ว่า เซิร์ฟเวอร์ที่กู้ได้ จะเป็นคลิปทั้งก่อนยิงและหลังยิงพันตำรวจตรีศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ สารวัตรประจำสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกํากับการ 2 กองบังคับการตํารวจทางหลวง จุดเกิดเหตุจะอยู่ใน 2 กล้องที่เพิ่งกู้ได้เมื่อเช้านี้ ส่วนกล้อง 13 ตัวที่กู้ได้ก่อนหน้านี้ เห็นภาพก่อนยิง มีพฤติการณ์ที่ลูกน้องกำนันนก หรือ นายประวีณ จันทร์คล้าย ได้มีการเตรียมสถานที่ เตรียมอะไรต่างๆ เป็นพฤติการณ์ที่รู้อยู่แล้วว่ามีการเตรียมตัว สามารถจับภาพมือยิงคือ หน่อง และลูกน้องคนอื่นอีก เดินไปที่กำนันนก นั่งที่โต๊ะยาว

“เราได้เห็นว่าก่อนเกิดเหตุลูกน้องมีอากัปกิริยาอย่างไรบ้าง  และหลังเกิดเหตุ ขณะที่เกิดเหตุลูกน้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ผมขอเรียนอย่างนี้ว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดกับคำให้การของตำรวจขัดแย้งกันทั้งหมด แต่ก็ไม่ว่ากัน เพราะทุกคนก็ต้องให้การเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ผมเคยพูดไว้แล้วว่า ถ้าเมื่อไหร่ วันไหน พยานหลักฐานออกมา ถ้าไม่ต้องกับคำให้การที่สอบปากคำไปแล้ว ก็จะเข้าข่ายเรื่องการให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน เป็นข้อหาแรกที่จะตามมา” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

ในเรื่องกล้อง สำหรับการดำเนินคดีกับกำนันนก คนยิง การใช้ต่างๆ เพียงพอแล้ว เหลือที่จะต้องไล่ต่อไปก็คือ ดำเนินคดีในส่วนที่เหลือทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตำรวจที่เกี่ยวข้อง พลเรือน เมื่อวานได้หารือกับผู้ว่าสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน  อธิบดีกรมบัญชีกลาง อธิบดีกรมสรรพากร เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบโครงการทั้งหมดกว่า 1,500 โครงการ เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องขยาย การดำเนินคดีความผิด ผู้ใช้จ้างวาน พยานหลังฐานมันจบแล้ว แต่การขยายผลไปแบบนี้ ถ้าพยานหลักฐานชัดเจน ถ้ามีการประมูลโดยการฮั้ว มีเส้นทางการเงินที่ตอบไม่ได้ว่าเงินอะไร ถ้าเป็นแบบนี้จะเข้าข่ายความผิดอาญา ฐานฟอกเงิน นำไปสู่การยึดทรัพย์

“มาตรการเหล่านี้ เป็นมาตรการปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่แท้จริง เพราะเมื่อบุคคลนั้น พ้นโทษมาจะไม่เหลืออะไรเลย เพราะทรัพย์ทั้งหมดถูกยึดแล้ว ไม่เหลืออะไรที่จะมีโอกาสกลับมาทำได้อีกเลย เพราะถูกดำเนินคดีทั้งยึดทรัพย์ คดีอาญาฟอกเงิน นี่คือมาตรการการตรวจสอบเลี่ยงภาษีอากร มาตรการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และมาตรการยึดทรัพย์ เราจะใช้มาตรการเหล่านี้ เหมือนการปราบแก๊งอัลคาโปน สมัยก่อน ยิงเท่าไหร่ จับเท่าไหร่ก็ไม่หมด แต่จบด้วยมาตรการยึดทรัพย์ มาตรการภาษี มาตรการฟอกเงิน ประเทศไทยก็มีมาตรการแบบนี้แต่อยู่ที่ว่าจะหยิบมาใช้หรือเปล่า สิ่งที่กำลังทำคือบูรณาการการตรวจสอบเอาทุกหน่วยมาร่วมกัน ซึ่งหน้าที่การพิสูจน์การได้มาของทรัพย์สินเป็นหน้าที่ของเจ้าของทรัพย์” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว