ครม.สัญจรพะเยาเคาะ 13โครงการ 300ล้านบาท ให้4จังหวัดภาคเหนือ

ครม.สัญจรพะเยาเคาะ 13โครงการ 300ล้านบาท ให้กลุ่ม4จังหวัดภาคเหนือ สั่งททท.ตั้งสำนักงานท่องเที่ยวจังหวัดภายในไตรมาส4ปีนี้

  • สั่งคมนาคมศึกษาความเป็นไปได้สร้างสนามบินพะเยา
  • สั่งพาณิชย์กำหนดมาตรการเบรกนำเข้าข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้าน
  • หลังยังพบการเผา ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอยู่

นายเศรษฐา  ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่(ครม.สัญจร.)​กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนโซน 2 (พะเยา เชียงราย น่านและแพร่)​ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดจำนวน 9 โครงการรวมวงเงิน 155 ล้านบาทและโครงการภาคเอกชนอีกจำนวน 4 โครงการ วงเงินรวม 145 ล้านบาท รวม 300 ล้านบาท 

นอกจากนี้ยังให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)​ ตั้งสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจังหวัดพะเยาภายในไตรมาสที่4 และศึกษาการประกาศให้จังหวัดพะเยา เป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและให้กระทรวงคมนาคมศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างสนามบินจ.พะเยา

นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้กรมทางหลวงเร่งประสานงานกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทำเรื่องขอผ่อนผันมติครม.ที่เกี่ยวข้องกับการขยายเส้นทางจราจรบริเวณจุดผ่านแดนบ้านฮวก จ.พะเยา และการใช้ประโยชน์ในพื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้น1เอเพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนไทย-ลาวที่ปัจจุบันมียอดสั่งซื้อวัวมาเป็นแสนแสนตัว 

ขณะเดียวกันได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานต่างๆ บูรณาการการทำงานช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้ปริมาณการผลิตสมดุลกับความต้องการของตลาด ผลผลิตมีคุณภาพสูง มีความปลอดภัยในอาหารและส่งเสริมการแปรรูปให้มีผลิตภัณฑ์ลำไยที่หลากหลาย จะทำให้ราคาลำไยมีเสถียรภาพและไม่เกิดภาวะล้นตลาด

นอกจากนี้ตามที่ได้สั่งการให้มีมาตรการลดหรือห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีการพิสูจน์​น์ว่ามีการเผานั้น ปัจจุบันประเทศไทยยังได้รับผลกระทบจากการเผาเกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน จึงได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เพื่อกำหนดนโยบายการนำเข้าข้าวโพดจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซัน และขอให้เป็นไปตามข้อตกลงกับองค์การการค้าโลก(WTO)​ด้วย ซึ่งต้องให้ตรงกับพ.ร.บ.อากาศสะอาดที่กำลังจะผ่านความเห็นชอบของสภาด้วย

และยังได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนและการค้าระหว่างประเทศไทยและอาฟริกา ซึ่งมีการเติบโตของประชากรสูง เช่นไนจีเรีย ซิมบับเว ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง มีแหล่งทรัพยากรมากและมีแหล่งพลังงานด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า จะประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต (บอร์ดดิจิทัลวอลเล็ต) ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับโครงการที่ครม.เห็นชอบในหลักการ 13โครงการ จาก 15โครงการที่เสนอมีดังนี้ โครงการของจังหวัดหรือกลุ่มจังหวัด 9โครงการ ได้แก่

1.โครงการพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงอาหาร Gastronomy tourism สู่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอย่างสร้างสรรค์ และยั่งยืน วงเงิน 20 ล้านบาท 

2.โครงการ A Cup to Village เพิ่มขีดความสามารถการเป็นนวัตกรด้านชาและกาแฟเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน วงเงิน 15 ล้านบาท 

3.โครงการยกระดับสินค้าและบริการด้านสุขภาพของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 วงเงิน 15 ล้านบาท

4.โครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ วงเงิน 26.12 ล้านบาท

5.โครงการยกระดับการผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์เกษตรมูลค่าสูง ตามแนวทางตลาดนํา นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ จังหวัด พะเยา วงเงิน 23.88 ล้านบาท 

6.โครงการเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันและยกระดับการท่องเที่ยวน่านสู่ท่องเที่ยวคุณภาพสูง วงเงิน 14 ล้านบาท 

7.โครงการน่านเมืองเก่ามีชีวิต สร้างสรรค์ เมืองแห่งวัฒนธรรมสู่มรดกโลก วงเงิน 21 ล้านบาท 

8.โครงการเกษตรปลอดภัยและมูลค่าสูง (กาแฟ) จังหวัดน่าน วงเงิน 15 ล้านบาท 

9.โครงการยกระดับการผลิตภาคการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่าจังหวัดแพร่ วงเงิน 5 ล้านบาท

กลุ่มที่ 2 โครงการซึ่งเป็นข้อเสนอของภาคเอกชน  4 โครงการ วงเงินรวม 145.88 ล้านบาท ประกอบด้วย 

1.โครงการพัฒนาทางหลวงหมายเลข 1202 ตอนควบคุม 0200 ตอน สันต้นแหน – ป่าแดด ตําบลโรงช้าง อําเภอป่าแดด จังหวัดเชียงราย วงเงิน 50 ล้านบาท 

2.โครงการอํานวยความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมเชียงรายเมืองแห่งสุขภาพ (Chiang Rai Wellness City) วงเงิน 50 ล้านบาท 

3.โครงการพลิกโฉมถนนสายวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ Soft Power พะเยา วงเงิน 25.88 ล้านบาท 

4.โครงการสูบน้ำขึ้นดอย สอย PM2.5 สร้างป่าคาร์บอนเครดิต วงเงิน 20 ล้านบาท

ส่วนโครงการที่ถูกตัดให้ไปใช้งบประมาณประจำปี ได้แก่โครงการเชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Chiang Rai Wellness City) วงเงิน 50 ล้านบาท  และโครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองเก่าแพร่ วงเงิน 45 ล้านบาท