BAFS เติบโตต่อเนื่อง โชว์งบ Q2 ปี 66 รายได้แตะ 743 ล้านบาท 

​BAFS ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/66 มีรายได้รวม 743 ล้านบาท เคาะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.08 บาท

  • ชี้แนวโน้มธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ-การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบิน
  • ลุยเปิดตัว BAFS X Mongolia LLC เตรียมลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนในมองโกเลียในปี 67
  • อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างการครึ่งปีแรก อัตราหุ้นละ 0.08 บาท กำหนดจ่ายวันที่ 8 ก.ย.66

​ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 66 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท 10.7 ล้านบาทโดยมีรายได้จำนวนรวม 743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันจากปีก่อน ส่งผลให้รายได้ในครึ่งปีแรกของบริษัทฯ อยู่ที่ 1,537 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% ของช่วงเวลาเดียวกันจากปีก่อน โดยเป็นรายได้จากค่าบริการจำนวน 644 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นตามปริมาณน้ำมันอากาศยานที่กลุ่มบริษัทให้บริการตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ที่สอดคล้องกับการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจรวมของประเทศ 

ขณะที่รายได้ค่าบริการขนส่งน้ำมันภาคพื้นดินและจัดเก็บน้ำมันของบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นตามปริมาณน้ำมันรวมทุกผลิตภัณฑ์ของโครงการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ (NFPT) รวมถึงรายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้า 85.5 ล้านบาท รายได้จากเงินปันผลการลงทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า และรายได้อื่นๆ ของกลุ่มบริษัทฯ

​“ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก โครงสร้างรายได้ของกลุ่มบริษัท (BAFS Group) แยกตามธุรกิจมาจากรายได้จากธุรกิจการบิน 74% รายได้จากธุรกิจการให้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อ 12% และรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า 14% ซึ่งเป็นหนึ่งในการดำเนินงานตามกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจด้วยการลงทุนในธุรกิจประเภทอื่นๆ ผ่านการดำเนินงานใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจการบิน กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน และกลุ่มบริการธุรกิจ โดยมีเป้าหมายปรับสัดส่วนโครงสร้างรายได้ให้สมดุล” 

​ม.ล. ณัฐสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ล่าสุด บริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่คอร์เปอเรชั่น (BC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ BAFS ถือหุ้น 100% แจ้งการจัดตั้งบริษัท BAFS X Mongolia LLC บริษัทย่อยใหม่ ในประเทศมองโกเลีย โดย BC ถือหุ้นในสัดส่วน 100% เพื่อประกอบธุรกิจโดยมีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่นเป็นหลัก ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจการจัดเก็บน้ำมันและท่อขนส่งน้ำมันและธุรกิจนำเข้าและส่งออกสินค้าและบริการ โดยในเฟสแรกมีแผนนำร่องร่วมลงทุนธุรกิจโซล่าร์ฟาร์ม พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ กำหนดเปิดตัวภายในปี 67

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 10 ส.ค.66 ที่ผ่านมา ยังได้พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างการงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.66) ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท โดยการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 25 ส.ค.66 และให้กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 8 ก.ย.66 สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงและเสถียรภาพการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน