9 เดือนปี 65 “บริษัทจดทะเบียน”ยอดขายรวม 13.2 ล้านล้านบาท โต 41%

  • โกยกำไรทะลัก 825,344 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14%
  • รับอานิสงส์์จากการเปิดประเทศและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น
  • บจ.ตลาด mai ยอดขาย 153,582 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.8%

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพแห่งประเทศไทย (ตลท.)​ เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน(บจ.) จำนวน 780 บริษัท คิดเป็น 97.5% จากทั้งหมด 798 บริษัท (รวม SET และ mai และไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ได้นำส่งผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 65 สิ้นสุด 30 ก.ย.65 พบว่ามี บจ. รายงานกำไรสุทธิ 593 บริษัท คิดเป็น 76.1% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมดโดยพบว่าผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 65 เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน บจ. ใน SET มียอดขาย 13.17ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.1% บจ. มีต้นทุนการผลิต 10.30ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.9% โดยมีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core profit) 1.49ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.6% และมีกำไรสุทธิ 825,344 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.2% สำหรับฐานะการเงินของกิจการ ณ 30 ก.ย.65 บจ. ไทยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ระดับ 1.59 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 1.54 เท่า เมื่อเทียบกับงวดปีก่อน

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์

“การยกเลิกมาตรการควบคุมโควิดและการเปิดประเทศ ช่วยให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจเติบโตดีและมีการฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การใช้จ่ายของคนในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้าประเทศไทย ทำให้ธุรกิจที่เติบโตได้ดีคือ กลุ่มธุรกิจธนาคารและบริษัทเงินทุนมีการขยายตัวด้านสินเชื่อได้ดี ขณะที่ธุรกิจพาณิชย์ ธุรกิจอาหาร ธุรกิจโรงพยาบาลมียอดขายเพิ่มขึ้น รวมถึงทำให้กลุ่มธุรกิจโรงแรมมียอดขายเพิ่มขึ้นและมีผลขาดทุนลดลง ส่วนความผันผวนของสินค้าโภคภัณฑ์และอัตราแลกเปลี่ยน ยังกระทบต่อต้นทุนการผลิตและอัตราการทำกำไรของ บจ.” นายแมนพงศ์กล่าว

ด้านนายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 185 บริษัท คิดเป็น 96% จากทั้งหมด 192 บริษัท นำส่งผลการดำเนินงาน งวดรวม 9 เดือนปี 65 พบ บจ. ทีรายงานกำไรสุทธิจำนวน 131 บริษัท คิดเป็น 71% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด โดยผลดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 65 เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน มียอดขายรวม 153,582 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.8% ต้นทุนขาย 121,253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.0% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ลดลงจาก 23.6% มาอยู่ที่ 21.0% ขณะที่มีกำไรจากการดำเนินงาน 8,136 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.0% และมีกำไรสุทธิรวม 6,572 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.0% โดย 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มียอดขาย กำไรจากการดำเนินงาน และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง กลุ่มบริการ และกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2 65 เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน บจ. มียอดขายรวม 52,289 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.8% กำไรจากการดำเนินงาน 2,956 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4% ขณะที่กำไรสุทธิรวม 2,183 ล้านบาท ลดลง 18.6%

“ผลการดำเนินงานของ บจ. mai งวด 9 เดือนปี 65 บจ. ส่วนใหญ่มียอดขายโต สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว หลังผ่านวิกฤติ COVID-19 และการเริ่มกลับมาของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเกือบทุกกลุ่มมียอดขายเพิ่มขึ้น ยกเว้น กลุ่มธุรกิจการเงิน อย่างไรก็ตาม บจ. ส่วนใหญ่มีต้นทุนสูงขึ้น จากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ทีค่สูงขึ้น ทำให้อัตราการทำกำไรลดลง และโดยรวมยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายได้ดี ทำให้กำไรจากการดำเนินงานยังคงเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เริ่มเห็นการฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจจัดงานอิเวนต์ ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว รวมถึงธุรกิจส่งออกที่ได้รับผลบวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนตัว”