ไทยส่งออกมังคุดถล่มทลายรับอานิสงส์เอฟทีเอ

  • เหตุ14ประเทศยกเลิกเก็บภาษีนำเข้า
  • ดัน6เดือนแรกปีนี้ยอดส่งออกเพิ่มถึง220%
  • แนะผู้ส่งออกใช้สิทธิประโยชน์สร้างแต้มต่อ

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ในช่วง 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.) ปี 62 ไทยส่งออกมังคุดได้แล้วถึง 325 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 220% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 61 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่ไทยทำกับประเทศต่างๆ ส่งผลให้ปัจจุบัน 14 ประเทศยกเลิกเก็บภาษีนำเข้ามังคุดจากไทยแล้ว ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เมียนมา อินเดีย ชิลี เปรู และฮ่องกง และทำให้ไทยกลายเป็นผู้ส่งออกมังคุดอันดับ 1 ของโลก มีตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ จีน และอาเซียน มีส่วนแบ่งตลาดรวมกันถึง 97% โดยมีมูลค่าส่งออกมังคุดไปจีน 229.4 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 408% ส่วนแบ่งตลาด 71% ส่วนอาเซียน มูลค่า 84.2 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 46% ส่วนแบ่งตลาด 26% ขณะที่ปี 1 ไทยส่งออกมังคุดได้ 226.4 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 3.32% จาปี 60

” ถ้าเปรียบเทียบมูลค่าสงออกมังคุดปี 61 กับปี 35 ก่อนที่เอฟทีเอฉบับแรกของไทยกับอาเซียนจะมีผลบังคับใช้ พบว่า มูลค่าส่งออกไปอาเซียนสูงขึ้นถึง 22,540% ส่วนส่งออกไปจีน ปี 61 เทียบกับปี 45 ก่อนที่เอฟทีเออาเซียน-จีน มีผลบังคับใช้ มูลค่าเพิ่มขึ้น 11,420% ขณะที่ส่งออกไปเกาหลี ปี 61 เทียบกับปี 52 ก่อนเอฟทีเออาเซียน-เกาหลีมีผลบังคับใช้ มูลค่าสูงถึง 2,400% ดังนั้น จึงต้องการให้ผู้ส่งออกหันมาใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอส่งออกสินค้าให้มากขึ้น เพื่อให้ได้รับแต้มต่อเหนือคู่แข่งที่ไม่มีเอฟทีเอกับประเทศเหล่านี้”

อย่างไรก็ตาม เพื่อผลักดันให้มังคุดและผลไม้ไทยครองใจผู้บริโภค เกษตรกรควรรักษามาตรฐานสินค้าให้สอดคล้องกับหลักการสากลด้านมาตรฐานสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช พัฒนาคุณภาพการผลิตตามความต้องการของตลาด ซึ่งปัจจุบันนิยมผลไม้ปลอดสารพิษ หรือเกษตรอินทรีย์มากขึ้น รวมทั้งสร้างเอกลักษณ์ด้วยการขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) สร้างตราสินค้าหรือแบรนด์ของตนเอง เพื่อสร้างความแตกต่างจากผลไม้ของประเทศอื่น และปรับตัวเข้าสู่การค้ายุคใหม่โดยสร้างองค์ความรู้ด้านต่างๆ เช่น การตลาดในต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยยกระดับสินค้าและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค เชื่อว่า การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้มังคุด รวมถึงผลไม้อื่นๆ ของไทย ครองตลาดและสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกมาก