แห่ชื่นชมตำรวจบุรีรัมย์ ผุดไอเดีย “Grab police “ขี่มอเตอร์ไซค์แจกของ

  • Buriram Police Hug To Home นำเครื่องอุปโภค-บริโภค
  • มอบให้แก่ผู้ยากไร้ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
  • หวังบรรเทาความเดือดร้อน และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่5 พ.ค.63พล.ต.ต.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ปล่อยแถวตำรวจสายตรวจชุดปฏิบัติการ “ตำรวจ ฮัก ทู โฮม” Buriram Police Hug To Home เพื่อพี่น้อง…ที่ประสบความเดือดร้อนจาก COVID – 19 นำเครื่องอุปโภค-บริโภค ข้าวกล่อง สิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ ด้วยความห่วงใยจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปมอบให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ยากไร้ ผู้ประสบปัญหาทางสังคม ที่ได้รับผลและได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด 19 )ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว

นอกจากนั้นแล้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ยังได้ส่งต่อชุดเครื่องอุปโภค บริโภค ให้แก่รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ นำไปมอบให้กับประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ 34 สถานี ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อนำความห่วงใยไปมอบให้ผู้ที่ประสบปัญหาทางสังคมให้ทั่วถึงทั้ง 23 อำเภอ อีกด้วย

พล.ต.ต.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 ผู้ติดเชื่อทั่วโลก เป็นจำนวนมาก รวมถึงประเทศไทย ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จากการที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ ทำให้ขาดรายได้ในการเลี้ยงชีพ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สนับสนุนงบประมาณให้แต่ละหน่วยดำเนินการจัดหา อาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค ตลอดจนสิ่งจำเป็น ในการดำรงชีพ เพื่อนำไปแจกจ่ายและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อนในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์

ในส่วนของตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ดำเนินการภายใต้โครงการ “ตำรวจ ฮัก ทู โฮม” Buriram Police Hug To Home เพื่อพี่น้อง…..ที่ประสบความเดือดร้อนจาก COVID – 19 โดยจัดทีม Grab Police นำอาหารกล่อง น้ำดื่ม และถุงยังชีพบรรจุสิ่งขอเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพไปมอบให้ผู้ด้อยโอกาส ผู้ประสบปัญหาทางสังคม

ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่าย และมอบหมายให้ผู้กำกับการ สารวัตรใหญ่ และสารวัตรหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรทุกแห่ง ต่อยอดโครงการ ภาครัฐ ภาคเอกชน พิจารณาบุคคลหรือครอบครัวที่เดือดร้อนจริงๆ และขาดโอกาส หรือไม่สะดวกในการเดินทางไปรับการบริการ หรือรับบริจาคจากส่วนราชการหรือภาคเอกชนที่จัดมอบได้