แบงก์ชาติอังกฤษคาดเศรษฐกิจทรุดในรอบ 314 ปี ตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่สองหนักสุดติดลบถึง 25%

ภาพ Jonathan Perugia
  • อังกฤษคาดเศรษฐกิจไตรมาสสองติดลบถึง 25%
  • วิกฤตไวรัสโควิด-19 จะทำให้จีดีพีในปีนี้ลดลง 14%
  • คงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.1% แต่พร้อมดำเนินการต่อหากวิกฤตยังลุกลาม
  • อัดงบอีก 8 ล้านล้านบาทเพื่อซื้อพันธบัตรกลับคืน

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม คณะกรรมการนโยบายการเงิน ของธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ (BOE )ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ย ที่ 0.1% แต่ระบุว่าพร้อมที่จะดำเนินการต่อเพิ่มหากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมกับมีมติให้ดำเนินการต่อด้วยมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ 2 แสนล้านปอนด์หรือประมาณ 8 ล้านล้านบาทเพื่อนำไปซื้อพันธบัตรมูลค่า 645 แสนล้านปอนด์และสมาชิกในคณะกรรมการสองคนเห็นว่าต้องเพิ่มงบอีก 1 แสนล้านปอนด์เพื่อกระต้นเศรษฐกิจ

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจแบงก์ชาติอังกฤษได้จัดทำสถานการณ์จำลองขึ้น คาดการณ์ว่าในปีนี้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐ (GDP) จะลดลง 14% โดยในไตรมาสที่สองลดลงถึง 25% วิกฤตสุดนับตั้งแต่ปี 1706 หรือในรอบ 314 ปี อย่างไรก็ตาม มองว่าเศรษฐกิจที่หดตัวเพียงชั่วคราวและพลิกฟื้นกลับคืนอย่างรวดเร็ว

นับตั้งแต่เกิดวิกฤตไวรัสโควิด 19 ทางแบงก์ชาติของอังกฤษได้ทำการลดดอกเบี้ยมา 2 รอบ จากอัตราดอกเบี้ยที่ 0.75% ในที่สุดเหลือ 0.1% 

โดยตัวเลขจีดีพีช่วงครึ่งปีหลังของปีหน้า ตัวเลขจะอยู่ใกล้เคียงก่อนเกิดการแพร่ระบาดไวรัส และในปี 65 จะเพิ่มขึ้นเป็น 3% แต่ขึ้นอยู่กับมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของทั่วโลกด้วย ขณะที่อัตราการว่างงานในอังกฤษจะอยู่ที่ 8% ในปีนี้ 7% ในปี 64 และ 4% ในปี 65

“คณะกรรมการนโยบายการเงินจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและสอดคล้องกับมาตรการที่จะดำเนินการต่อไปตามความจำเป็นเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจและมั่นใจว่าจะได้รับเงินเฟ้อกับไปสู่เป้าหมาย 2%” แบงก์ชาติระบุไว้ในรายงาน