เอกชนร้องรัฐขยายเวลายื่นซองราคา ประมูลถมทะเลท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3

เอกชนต่างชาติ 5 ราย  เข้าร่วมประมูลท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 งานก่อสร้างทางทะเล วงเงิน 2.19 หมื่นล้าน ร้องรัฐขอขยายเวลายื่นเสนอราคางานก่อสร้าง เหตุติดปัญหาโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถประสานงานกับสถานทูตได้ ด้าน“อธิรัฐ”โบ้ยยังไม่เห็นหนังสือจากเอกชนร้องขอเลื่อนเปิดประมูลถมทะเล แหลมฉบังเฟส 3 เหตุได้รับผลกระทบโควิด ย้ำ!เอกชนร้องรายเดียวไม่สามารถยกเลิกได้ขณะที่เอกชนรายอื่นไม่มีปัญหา พร้อมโบ้ยอำนาจการเลื่อนเป็นอำนาจของกรมบัญชีกลาง เพราะขึ้นอยู่กับระเบียบการจัดซื้อพัสดุ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.)ว่า ตามที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) ได้เปิดประกาศประกวดราคาจ้างก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ส่วนที่ 1 งานก่อสร้างทางทะเล วงเงินก่อสร้าง 21,979 ล้านบาท ซึ่งได้มีการประกาศขายซองไปตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ -5 พฤษถาคม 2563 ผู้สนใจจะต้องยื่นข้อเสนอ และเสนอราคาทางระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยวิธีการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ ระหว่างเวลา 8.30-16.30 น.

ทั้งนี้จากผู้ที่ซื้อซองประกวดราคาประมูลงานโครงการ ขณะนี้มีเอกชนหลายราย ได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และสถานทูต เพื่อขอให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ช่วยเพื่อขยายเวลาการยื่นข้อเสนอด้านราคาออกไปสัก 2 เดือน เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโรคโควิด-19 ทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรป ประกอบกับสถานการณ์ปัจจบุันอยู่ในภาวะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่1-4) ด้านสาธารณสุข เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยผู้ยื่นข้อเสนอเข้าร่วมประมูลโครงการดังกล่าว เป็นนิติบุคคลมีสัญชาติต่างประเทศ และมีการร่วมลงทุนกับบริษัทในไทย

อย่างไรก็ตามในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้การติดต่อประสานงานกับด้านเอกสารกับสถานทูตหรือกงสุลไทยทั่วโลกไม่ปกติ ประกอบกับข้อกำหนดให้ต้องมีการดำเนินการรับรองเอกสาร ผ่านจากสถานทูตของผู้ยื่นข้อเสนอและต้องมาผ่านพิธีการของสถานทูตไทยขั้นตอนและระเบียบวิธีการ ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่ปกติ ทำให้เกิดความล่าช้ากว่าเดิม จึงเป็นอุปสรรคต่อระยะเวลาในการยื่นข้อเสนอ จึงขอให้พิจารณาขยายระยะเวลาในการยื่นข้อเสนอและเสนอราคาออกไปก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามข้อกำหนดด้านคุณสมบัติทีโออาร์ ได้กำหนดไว้ว่า เอกสารของผู้เข้าร่วมประมูลจะต้องถูกแปลเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และต้องผ่านการรับรองเอกสารจากสถานทูตหรือกงสุลของไทยด้วย จากข้อกำหนดดังกล่าว แต่จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้เข้าร่วมประมูลไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากความไม่สะดวกทั้งในส่วนของสถานทูตและการเดินทางของผู้สนใจเข้าร่วมประมูล โดยผู้สนใจเข้าร่วมประมูลจาก 5-6 ประเทศเช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ยุโรป เป็น ต่างเสนอขอให้รัฐบาลขยายเวลาออกไปก่อน

“ผู้สนใจเข้าร่วมประมูลต้องการให้รัฐบาลขยายเวลาออกไปก่อน สถานการณ์ตอนนี้การติดต่อประสานงานไม่สะดวก ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม จนทำให้ผู้สนใจเข้าร่วมประมูลไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ มาระยะหลังการเดินทางก็ไม่สามารถทำได้”

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีกลุ่มบริษัทเอกชนที่เข้าร่วมประมูลถมทะเลในโครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ได้ร้องเรียนว่าได้ส่งหนังสือมายังกระทรวงคมนาคม และ การท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) เพื่อขอเลื่อนการเปิดซองที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 พ.ค. นี้ออกไปก่อนเนื่องจากในช่วงที่บริษัทที่เข้าร่วมประมูลได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด ทำให้ไม่สามารถเดินทางเดินทางได้ประกอบกับการติดต่อเพื่อขอหนังสือรับรองจากสถานทูตทำได้ยากกว่าปกตินั้น ในเรื่องนี้ตยยังไม่เห็นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม หรือ ร้องเรียนมายังตน ขณะเดียวกันตนได้มีการสอบถามไปยัง กทท. ว่ามีหนังสือร้องเรียนหรือ เรียกร้องจากกลุ่มบริษัทเอกชนต่างชาติ หรือ มีเอกชนไทยที่แสดงความจำนงในการเข้าร่วมดำเนินการในโครงการมาหรือไม่ แต่ประสบปัญหาได้รับผลกระทบจากโควิดหรือไม่ ซึ่งได้ได้รับการแจ้งจาก กทท. ว่า มีแค่สอบถามเข้ามายังไม่มีมาแบบทางการ

อย่างไรก็ตามมองว่า การที่จะให้เลื่อนการประมูลนั้นหากมีการร้องเรียนเพียงเอกชนเพียงรายเดียวคงไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะหากไม่มีเอกชนกลุ่มอื่นร้องเรียนและทางภาครัฐดำเนินการตามข้อเรียกร้องเลยก็อาจจะทำให้เกิดความสับสนและไม่โปร่งใสได้ แต่หากมีเอกชนรายอื่นๆได้รับผลกระทบเช่นเดีนวกันทางภาครัฐก็อาจจะมีการนำประเด็นดังกล่าวมาพิจารณา ขณะเดียวกันการเปิดขายเงื่อนไขในการเข้ามาซื้อซองเพื่อเข้าร่วมประมูลก็อยู่ในระเบียบพัสดุการจัดซื้อจัดจ้างขอกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังซึ่งในส่วนนี้ก็ไม่สามารถรับทราบว่ามีเอกชนกี่รายที่สนใจเข้ามาซื้อซอง และอำนาจในการขยายเวลาการเปิดซองประมูลที่แท้จริงก็เป็นอำนาจของกรมบัญชีกลาง