เมื่อยักษ์ปะทะยักษ์… ตลาดเอาท์เล็ตแบรนด์หรูเดือด… “เซ็นทรัล วิลเลจ” ถล่มราคารับน้องใหม่ “สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต”

  • “เซ็นทรัล วิลเลจ” ชี้ปัจจัยแห่งความสำเร็จพลิกโมเดลจับลูกค้าคนไทยหลังไร้นักท่องเที่ยวต่างชาติ
  • ส่วน “สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต” บอกต้องเจอเอาท์เล็ตระดับโลกของจริงว่าจะเป็นอย่างไร

บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น เตรียมพร้อมรับน้องใหม่ “สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต ด้วยการประกาศแคมเปญใหญ่ จับมือ 130 แบรนด์ดัง ลดราคาลง 35-90% ยาวเกือบสองเดือนสิ้นสุดกรกฏาคม นี้

นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูนสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น เปิดเผยว่า เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาท์เล็ตแห่งแรกของไทย โดยซีพีเอ็น ผนึกกำลังกับ 130 แบรนด์ดัง ชวนคนไทยช้อปในไทย “Super Brand Grand Sale”ประหยัดสูงสุด 35-90% โดยคาดว่าใน 2 เดือนนี้ จะสร้างเงินสะพัดได้กว่า 1,000 ล้านบาทพร้อมเน้นย้ำมาตรการ เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ ตอบรับนโยบายภาครัฐ

พบกับ Exclusive Brands ถึง 67 แบรนด์ที่มีเฉพาะที่เซ็นทรัล วิลเลจ พร้อมสินค้า Weekly WOW Price ราคาสุดพิเศษเริ่มต้นที่ 990 บาท และสินค้าแบรนด์เนมราคาพิเศษ อาทิ ALICE+OLIVIA, CHLOÉ, COACH, ERMENEGILDO ZEGNA, ETRO, JIMMY CHOO, KATE SPADE, KENZO, MARIMEKKO, MAX & CO., MCQ, MICHAEL KORS, MOSCHINO, OUTLET BY CLUB21, POLO RALPH LAUREN, SALVATORE FERRAGAMO, VALENTINO, VIVIENNE WESTWODD, BATH & BODY WORKS, COCCINELLE, MELISSA, SUNGLASS HUT, VICTORIA’S SECRET และอีกมากมาย ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ก.ค. 63 

ผู้สื่อข่าวรายงาน ทาง สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต โดยกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ที่ดึงเอา “ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้” ผู้บริหารเอาท์เล็ต “พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต” ระดับโลกเตรียมเปิดตัวให้บริการในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ หลังจากมีความล่าช้ากับวิกฤตโควิด-19 ซึ่งคาดว่าจะทำให้ตลาดเอาท์เล็ตระดับหรูแข่งขันกันอย่างดุเดือด

เปรียบเทียบฟอร์มระหว่าง “เซ็นทรัล วิลเลจ” กับ “สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต” 

เซ็นทรัล วิลเลจเป็นรายแรกที่เปิดตลาดลักชูรี่เอาท์เล็ต เปิดให้บริการเมื่อเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา และถึงแม้จะฝ่าวิกฤตโควิด-19 เซ็นทรัล วิลเลจก็ยังคงสามารถต่อยอดไปอีกขั้นด้วยกลยุทธ์ Intensive Omnichannel ที่ปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วเพื่อจับกลุ่มลูกค้าชาวไทยได้อย่างตรงใจและประสบความสำเร็จ โดยมีซีพีเอ็นได้ระบุถึง success story ที่ทำให้เซ็นทรัล วิลเลจ ยังคงต่อยอดก้าวไปอีกขั้นและเดินหน้าเป็นเดสติเนชั่นของการช้อปปิ้งแบรนด์เนมของไทยต่อไป ได้แก่

 1.สร้างความหลากหลายของแบรนด์ขวัญใจคนไทยในราคาเอาท์เล็ต การคัดสรรแบรนด์ชั้นนำที่ตรงใจลูกค้าชาวไทยเป็นขุมทรัพย์ของคนรักแบรนด์เนม ผสมผสานกับแบรนด์ที่เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว โดยปัจจุบันมีแบรนด์ชั้นนำกว่า 220 แบรนด์กับ 130 ร้านค้า จับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย 70% และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30% จึงทำให้ในช่วงวิกฤตได้รับการสนับสนุนจากลูกค้าคนไทยทั่วประเทศที่ยังมีกำลังซื้อและชื่นชอบสินค้าแบรนด์เนมในราคาลดทุกวัน


2.ปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในการสร้างประสบการณ์แบบ Online shopping platform ครั้งแรกของเอาท์เล็ตในประเทศไทย ด้วยบริการ Chat & Shop ที่เกิดขึ้นภายใน 1 เดือนและประสบความสำเร็จในการสร้างยอดขายจากนักช้อปทั่วประเทศ ด้วยการโปรโมทผ่าน own media ของเซ็นทรัลพัฒนาที่มีศูนย์การค้าอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศ โดยยอดขายของแบรนด์ที่ติดอันดับท็อป ได้แก่ COACH, FITFLOP, POLO RALPH LAUREN, SALVATORE FERRAGAMO, BATH & BODY WORKS, VICTORIA’S SECRET โดยทางบริษัทฯ จะต่อยอด online shopping platform นี้ เพื่อจับกลุ่มมิลเลนเนียล กลุ่ม Young Affluent และกลุ่มคนไทยทั่วประเทศซึ่งชื่นชอบการช้อปแบรนด์เนม ทำให้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนของประเทศก็สั่งสินค้าส่งตรงจากเซ็นทรัล วิลเลจได้

3.   Unbeatable Location ด้วยที่ตั้งที่อยู่ใกล้ตัวเมืองหรือศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) และมีกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อโดยรอบ ในช่วงโควิดที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ถึงแม้ว่าเซ็นทรัล วิลเลจ สามารถเปิดให้บริการแค่บางส่วน แต่ยังคงสามารถดึงลูกค้ามาใช้บริการได้ ผ่านบริการ Drive-thru pick-up ที่ช่วยสร้างยอดขายให้ร้านค้ากลุ่ม luxury fashion และ cosmetics ได้เป็นอย่างดี โดยกว่า 60% ของกลุ่มลูกค้าคือคนที่อยู่ในรัศมี 15 กม. และมีกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้ออาศัยอยู่ในหมู่บ้านระดับกลางและไฮเอนด์ในเขตบางนา และประเวศ เป็นจำนวนมาก รวมไปถึง การที่มี Tops Market เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนโดยรอบ

4.    การเลือกพันธมิตรระดับโลกที่มีความเข้าใจในตลาดของชาวเอเชียเช่นเดียวกัน และมีแนวทางในการทำธุรกิจไปในทิศทางเดียวกัน การผนึกพันธมิตรกับบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย หนึ่งในบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) บิ๊กอสังหาฯ ระดับโลก ที่มีบริษัทในเครือเป็นผู้พัฒนาเอาท์เล็ตที่มีสาขากว่า 9 แห่งทั่วญี่ปุ่น อาทิโกเทมบะ ริงกุ ชิซุย ช่วยต่อยอดความสำเร็จของเซ็นทรัล วิลเลจให้สู่การเป็น World-class outlet with Thai-Japanese hospitality เทียบชั้นเอาท์เล็ตระดับโลก

ทางด้าน “สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต” โดยสยามพิวรรธน์ ไซม่อน จากการผนึกกำลังระหว่างสองผู้นำแห่งวงการค้าปลีกระดับโลก ได้แก่ สยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหารโกลบอลเดสติเนชั่นชั้นนำของเมืองไทย กับ ไซม่อน พรอพเพอร์ตี้ กรุ๊ป บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกอันดับหนึ่งของโลก  จากสหรัฐอเมริกา 

สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กับจุดขายด้วยการนำประสบการณ์พรีเมี่ยม เอาท์เล็ตอย่างแท้จริงสู่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก และนับเป็นโครงการพรีเมี่ยม เอาท์เล็ตแห่งใหม่ล่าสุดของไซม่อน ดังเช่นพรีเมี่ยม เอาท์เล็ต   ระดับแนวหน้าต่างๆที่ตั้งอยู่ทั่วโลก ซึ่งได้รับการขนานนามให้เป็นสุดยอดจุดหมายปลายทางแห่งการช้อปปิ้ง องผู้คน รวมทั้งนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยพรีเมี่ยมเอาท์เล็ตที่โดดเด่นระดับไอคอน มีทั้ง Woodbury Common Premium Outlets นิวยอร์ค, Gotemba Premium Outlets ญี่ปุ่น, Yeoju Premium Outlets เกาหลีใต้ และ Johor Premium Outlets มาเลเซีย  

พบกับประสบการณ์การช้อปปิ้งอย่างคุ้มค่าในทุกๆวัน  ด้วยสินค้าคุณภาพลดสูงสุดกว่า  70%  โดดเด่นด้วยสินค้าแบรนด์ลักชัวรี่ระดับเวิลด์คลาส แบรนด์อินเตอร์เนชั่นแนลชั้นนำที่ได้รับความนิยมมากที่สุด รวมทั้งแบรนด์ไทยชื่อดัง ทั้งแฟชั่น, ไลฟ์ไตล์, สปอร์ต, เครื่องหนัง และอีกมากมาย พิเศษยิ่งกว่ากับแบรนด์ที่เผยโฉมในคอนเซ็ปต์เอาท์เล็ตครั้งแรกในประเทศไทย และส่วนลดพิเศษเพิ่มอีก 10 –15% จากหลากหลายแบรนด์เพื่อฉลองการเปิดอย่างเป็นทางการ

พบกับสแบรนด์ลักชัวรี่อย่าง Burberry, Balenciaga, Bally, Breitling, Coach, Furla, Hugo Boss, kate spade NEW YORK, Montblanc และ Adidas รวมถึง Nike พรีเมี่ยม รีเทล โสตร์ขนาดใหญ่กว่า  1,300 ตารางเมตร ที่มาพร้อมสิทธิพิเศษสำหรับดิจิตอลเมมเบอร์โดยเฉพาะ และสไตล์การตกแต่งร้านที่ได้รับ แรงบันดาลใจมาจากศิลปะไทย พร้อมแบรนด์ไทยชั้นนำอย่าง EVEANDBOY และ Jim Thompson ทั้งนี้ ยังมีอีกหลากหลายแบรนด์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่เตรียมจะเผยโฉมในเร็วๆนี้อีกด้วย 

นายไมเคิล ถัง  กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด กล่าวว่า มีแผนที่จะร่วมกับพันธมิตรธุรกิจท่องเที่ยวในละแวกใกล้เคียงเพื่อสร้างจุดหมายปลายทางของการช้อปปิ้งและการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอีกด้วย

สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต แบงค์คอก ทางหลวงพิเศษมอเตอร์เวย์ หมายเลข 7 เส้นทางสัญจรหลักที่เชื่อมกรุงเทพสู่เมืองจุดหมายแห่งการท่องเที่ยวภาคตะวันออก เดินทางสะดวกสบายเพียง 15 นาที จากสนามบินสุวรรณภูมิ และ 30 นาที จากย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ