เพื่อปากท้องประชาชน… พาณิชย์ ลั่น! ตรึงราคาสินค้าถึงที่สุด ชู “วินวินโมเดล” ควบคุมราคา

เทสวโก้มั่นใจสินค้าไม่ขาดตลาด
  • เผยจะขอความร่วมมือผู้ประกอบการ ให้แค่พออยู่ได้ในช่วงสถานการณ์ที่วิกฤตเช่นนี้
  • ย้ำสินค้าตัวไหนจะขยับราคา จะดูเป็นรายกรณีไป ไม่ใช่อนุญาตขึ้นราคาทั้งหมด
  • เตือน พ่อค้า-แม่ค้า หัวหมอลดปริมาณลงในแพคเกจเดิมก็ทำไม่ได้ เพราะเท่ากับขึ้นราคาถือว่ามีความผิด

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์  ได้พยายามเข้าไปดูเรื่องราคาสินค้าให้เป็นภาระน้อยที่สุดกับผู้บริโภค ถึงต้นทุนจะสูงขึ้นเพราะราคาน้ำมัน และพลังงานที่สูงขึ้นมาก หากมีความจำเป็นที่จะต้องปรับราคาขึ้น ก็จะทำเท่าที่จำเป็นที่จะต้องปรับราคาขึ้น และจะอนุญาตเท่าที่จำเป็น ตามต้นทุนที่สูงขึ้นจริงเท่านั้น

ขณะเดียวกันจะขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการให้แค่พออยู่ได้ในช่วงสถานการณ์ที่วิกฤตอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นกันทั้งโลก ทั้งหมดเพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งต้นน้ำ ซึ่งหมายถึงเกษตรกรผู้ผลิตวัตถุดิบ เพื่อให้ราคาพืชผลการเกษตรยังดีอยู่เหมือนเดิม ขณะเดียวกัน กลางน้ำ ซึ่งหมายถึงผู้ประกอบการ ผู้ส่งออก สามารถปรับลดผลกำไรลดลงมาบางส่วน เพียงเพื่อขอให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ และไม่หยุดการผลิต ของจะได้ไม่ขาด ส่วนปลายน้ำ ซึ่งหมายถึงผู้บริโภคก็จะให้รับภาระที่เพิ่มขึ้นให้น้อยที่สุด ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงให้ได้มากที่สุด โดยใช้ “วินวินโมเดล” สินค้ารายการไหน อย่างไร จะดูเป็นรายกรณีไป ไม่ใช่จะอนุญาตขึ้นราคาทั้งหมดในลักษณะที่ไม่ดูเหตุดูผล ดูเป็นแต่ละส่วนไป

“ช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังจะเปิดเทอม ชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน ก็จะตรึงราคาไว้ ซึ่งได้มีข้อสรุปเบื้องต้นแล้ว ส่วนไหนที่ปรับลดลงมาได้ก็ให้ไปปรับลดลงมา เพื่อเป็นโปรโมชั่นที่จะลดภาระค่าครองชีพ โดยในวันที่ 8 พ.ค. นี้ เวลา 14.00 น. ตนจะไปเปิดงานที่ศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ ลาดพร้าว เพื่อช่วยลดภาระให้กับผู้ปกครองทั่วประเทศ” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า กรมการค้าภายในได้หารือกับผู้ประกอบการในแต่ละหมวดสินค้า แต่ละรายการอยู่ตลอดเวลา ตามที่ตนได้มีข้อสั่งการไป ให้ใช้ “วินวินโมเดล” เพื่อให้ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ทั้ง 3 ฝ่าย ได้ร่วมมือกัน ส่วนกรณีที่มีผู้ประกอบการลักลอบขึ้นราคาสินค้าก็ได้ให้พาณิชย์จังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันแก้ไขปัญหาการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค เป็นผู้ดำเนินการ 

ทั้งนี้ ทางกฎหมายกำหนดไว้แล้วว่า ถ้ามีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า หรือค้ากำไรเกินควร ก็มีโทษสูงสุดคือ จำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะฉะนั้นโทษแรง ดังนั้นจึงขอฝากผู้ที่คิดจะทำ ทางพาณิชย์จังหวัดมีทีมงานลงพื้นที่ดูอยู่ตลอดเวลา หากมีปัญหาก็ร้องมาได้ที่ สายด่วน 1569

นอกจากนี้ กรณีที่มีการลดปริมาณลงในแพคเกจเดิมก็ทำไม่ได้ เพราะเท่ากับขึ้นราคานั่นเอง ถือว่าทำผิด โดยกรมการค้าภายในพิจารณาอย่างละเอียด เพราะดูลึกลงไปถึงต้นทุนที่แท้จริง ถ้าจะต้องนำเข้าก็ดูต้นทุนนำเข้า ดูเอกสารกำกับราคานำเข้า ให้ตรงตามรายละเอียด โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยตรวจสอบ