เปิดประวัติ “โจ ไบเดน” ใช้เวลากว่า 30 ปีก้าวขึ้นสู่เก้าอี้ ปธน.สหรัฐในฝัน

  • อายุ 77 ปี เกิด 20 พฤศจิกายน 2485 ที่เมืองสแครนตัน รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐฯ
  • จบการศึกษาด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ รัฐนิวยอร์ก 
  • ทำงานเป็นทนายความ ก่อนจะได้รับเลือกเป็น ส.ว.รัฐเดลาแวร์ ขณะอายุเพียง 30 ปี 
  • สร้างประวัติศาสตร์ได้เป็นวุฒิสมาชิกอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ คนที่ 6 สมาชิกพรรคเดโมแครต 
  • เป็นวุฒิสมาชิกรัฐเดลาแวร์มาแล้วถึง 6 สมัย หลังคว้าชัยได้เป็น ส.ว.สมัยแรกในปี 2515
  • เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2531 และ 2551 แต่ไม่ประสบความสำเร็จทั้งสองครั้ง
  • เป็นรองประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกา ในสมัยรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในปี 2561
  • แต่งงานครั้งที่สองกับ จิล ไบเดน เมื่อปี 2520 หลังจากภรรยาคนแรก นีเลีย ฮันเตอร์ (สมรส 2509-2515) เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ พร้อมเอมี่ ลูกสาววัย 13 เดือน ในปี 2515
  • 2558 โจ ไบเดน ต้องสูญเสียบุตรชาย โบ ไบเดน ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสมองด้วยวัย 46 ปี

เส้นทางสู่ทำเนียบขาว

“ไบเดน” มีความใฝ่ฝันที่จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ มายาวนาน เขาได้ลงสมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรกตั้งแต่ปี 2531 ขณะอายุ 45 ปี แต่แล้วความฝันครั้งนี้ของไบเดน ก็ต้องดับลงตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งขั้นต้น หลังจากมีรายงานเผยว่า ไบเดนได้ไปลอกคำพูดในสุนทรพจน์บางส่วนของคนอื่นมา

นอกจากนั้น ไบเดน ยังมีปัญหาสุขภาพอย่างหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดถึง 2 ครั้ง เนื่องจากเขามีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งขั้นต้นชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี และหลังจากได้ถอนตัวยุติการแข่งขันในปี 2531 โดยแพทย์ได้ตรวจพบว่า เขามีอาการสมองโป่งพอง ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดสมอง และยังทำให้เกิดเลือดอุดตันในช่องปอด จนนำไปสู่การผ่าตัดใหญ่ครั้งที่ 2 และหลังจากรักษาอาการป่วยนาน 7 เดือน ไบเดนได้กลับมาทำงานในฐานะวุฒิสมาชิกอีกครั้ง

ประสบการณ์การเมืองโชกโชน

ขณะไบเดนดำรงตำแหน่ง ส.ว.รัฐเดลาแวร์นั้น เขายังได้เป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ต่างประเทศมายาวนาน จนเป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้ ไบเดน เป็นนักการเมืองที่คัดค้านการทำสงครามในอิรัก ที่เรียกว่าสงครามอ่าวเปอร์เซีย ในปี 2534 แต่สนับสนุนให้มีการขยายชาติพันธมิตรของนาโตไปยังยุโรปตะวันออก และการเข้าไปแทรกแซงสงครามในยูโกสลาเวียช่วงทศวรรษ 1990 และยังมีผลงานการเมืองอีกมากมายฯ

คู่หูชิงรองประธานาธิบดีของบารัค โอบามา

20 ปีหลังจากความพยายามและความฝันครั้งแรกที่จะได้เป็นประธานาธิบดีไม่ประสบความสำเร็จ ไบเดน ได้ตัดสินใจอีกครั้งที่จะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2008 ทว่าถึงแม้ไบเดนจะมีประสบการณ์ทางการเมืองมาอย่างโชกโชน ในฐานะวุฒิสมาชิก 6 สมัย แต่ก็ไม่โดดเด่นพอที่จะได้รับความนิยมเท่า ฮิลลารี คลินตัน และ บารัค โอมา จนทำให้ ไบเดน ได้ตัดสินใจถอนตัวจากการลงแข่งเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง 

และเมื่อ บารัค โอบามา ได้เป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตลงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้ง 2 สมัย โอบามาได้เลือก ไบเดน เป็นคู่หูชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในการเลือกตั้งทั้งสองสมัย ซึ่งคว้าชัยชนะทั้งสองครั้งเช่นกัน ทั้งในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2008 และ 2012

ว่าที่ ปธน.สหรัฐฯ คนที่ 46

25 เมษายน 2019 ไบเดน ได้ประกาศข่าวที่มีการคาดการณ์กันแล้วว่า เขาจะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2020 ผ่านทางคลิปวิดีโอความยาว 3 นาที 30 วินาที ว่า “ภัยคุกคามที่กำลังมาสู่ประเทศของเรา ไม่เหมือนกับภัยต่างๆ ที่เขาเคยเห็นมาตลอดทั้งชีวิต” และนี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักการเมืองอาชีพอย่างเขา ตัดสินใจลงสมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2020 

ท่ามกลางการรณรงค์หาเสียงอย่างหนักหน่วง ในที่สุดกองเชียร์ ไบเดน และพรรคเดโมแครตก็ได้เฮลั่น เมื่อผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ 2020 ที่ต้องลุ้นระทึกกันในไม่กี่รัฐสุดท้าย ออกมาว่า ไบเดน สามารถคว้าชัยชนะ ‘ล้มช้าง’ โค่นแชมป์เก่า โดนัลด์ ทรัมป์ ได้สำเร็จ ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ และเป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์เป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุดของสหรัฐอเมริกา