เชื่อมั่นเศรษฐกิจดี จ้างงานพุ่ง ดันดาวโจนส์เปิดตลาดบวกแรง

  • ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มสูงกว่าคาดค่อนข้างมาก
  • ด้านซิตี้กรุ๊ป มองเฟดเป็นธนาคารกลางที่ใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายที่สุดในโลก
  • นักลงทุนมั่นใจผลประกอบการไตรมาส 3 ยังออกมาดี

เมื่อเวลาประมาณ 21.25 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวอยู่ที่ 27,272.99 จุด เพิ่มขึ้น 226.76 จุด หรือ +0.84% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยอยู่ที่ระดับ 3,061.60 จุด เพิ่มขึ้น 24.04 จุด หรือ +0.79% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิท เคลื่อนไหวที่ 8,366.73 จุด เพิ่มขึ้น 74.37 จุด หรือ +0.90%

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 128,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 89,000 ตำแหน่งค่อนข้างมาก ส่วนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.6% ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ก็ยังใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี ส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น และกลับเข้าซื้อหุ้นอีกครั้ง

กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 136,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนส.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 219,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 168,000 ตำแหน่ง

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ยังระบุว่าในเดือนต.ค. ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 131,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานลดลง 3,000 ตำแหน่ง

สอดคล้องกับรายงาน FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งจนกว่าจะถึงเดือนมิ.ย.2563 หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งในวันนี้ ก่อนหน้านี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงเดือนมี.ค.2563 หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจมีทิศทางที่ดี

นักลงทุนยังจับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน เพื่อรอเวลาและสถานที่ที่ชัดเจนในการลงนามข้อตกลงรอบใหม่

ด้านตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ออกมาในทิศทางที่ดีเช่นกัน โดยบริษัทจำนวน 70% ในตลาหุ้นเอสแอนด์พี 500 ได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ซึ่ง 75% จากจำนวนดังกล่าวได้รายงานตัวเลขกำไรดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ตาม บริษัทเอ็กซอน โมบิล คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรลดลงเกือบครึ่งหนึ่งในไตรมาส 3 โดยได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ดิ่งลง และธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่อ่อนแอ ทั้งนี้ เอ็กซอน โมบิล ระบุว่า บริษัทมีกำไรลดลงสู่ระดับ 3.17 พันล้านดอลลาร์ หรือ 75 เซนต์/หุ้น จากระดับ 6.24 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.46 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ด้านซิตี้กรุ๊ป ได้วิเคราะห์การดำเนินนโยบายการเงิน ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังจากเฟดลดดอกเบี้ยต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 และได้ทำการเพิ่มงบดุลอีกครั้ง ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตร ว่า “เฟดอาจเป็นธนาคารกลางที่มีการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากที่สุดในโลก แม้ว่าเฟดส่งสัญญาณยุติวงจรปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญเท่ากับการที่เฟดจะเพิ่มขนาดงบดุล ซึ่งจะทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างมาก” นายโมฮัมเหม็ด อพาไบ หัวหน้านักวิเคราะห์ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของซิตี้กรุ๊ป กล่าว