เกาะติดตึงเครียดการเมือง “รัสเซีย-ยูเครน” ดันราคาน้ำมันดิบพุ่ง

  • น้ำมันดิบ ICE Brent และ NYMEX WTI ปรับเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 8
  • ความต้องการนำ้มันในตลาดโลกเพิ่ม
  • ผลจากเศรษฐกิจเริ่มทยอยฟื้นตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)  ได้วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดน้ำมันประจำสัปดาห์ที่ 7-11 ก.พ. 65 และคาดการณ์สัปดาห์ที่ 14-18 ก.พ. 65  

โดยราคาน้ำมันดิบ ICE Brent และ NYMEX WTI เฉลี่ยรายสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 8 จากความกังวลต่อความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 65 นาย Joe Biden ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สนทนาทางโทรศัพท์กับนาย Vladimir Putin ประธานาธิบดีรัสเซีย เกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างรัสเซียและยูเครน แต่การเจรจาไม่บรรลุผล โดยรัสเซียมีแผนซ้อมรบโดยใช้กระสุนจริงในวันที่ 10 – 20 ก.พ. 65 ซึ่งสหรัฐฯ กล่าวว่ารัสเซียอาจโจมตียูเครนได้ทุกเมื่อ และสั่งการให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ออกจากประเทศยูเครน รวมทั้งอิตาลี อิสราเอล เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ได้แจ้งให้พลเมืองของตนออกจากยูเครนโดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นจากนักลงทุนขานรับปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลง โดย EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ที่สหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 4 ก.พ. 65 ลดลง 4.76 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 410 ล้านบาร์เรล ต่ำสุดตั้งแต่เดือน ต.ค. 61

 ด้านเทคนิค สัปดาห์นี้ราคา ICE Brent มีแนวโน้มอยู่ในกรอบ 94 – 97.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก

รายงานฉบับเดือน ก.พ. 65 ของ IEA คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกปี 2565 เพิ่มขึ้น 3.23 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 100.58 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์ครั้งก่อน 0.87 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ

Baker Hughes Inc. รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบ (Rig Count) ของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 ก.พ. 65 เพิ่มขึ้น 19 แท่น จากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 516 แท่น สูงสุดตั้งแต่เดือน เม.ย. 63