นายโกสิทธิ นิลรัตน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง จ.ตราด เปิดเผยว่า แต่ละปีอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างเป็นจำนวนมาก โดยพื้นที่ยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวนิยมไปคือ การดำน้ำชมปะการังที่หมู่เกาะรัง การเข้าชมน้ำตกคลองพลู น้ำตกธารมะยม โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในกลุ่มประเทศทางยุโรป และนักท่องเที่ยวชาวจีน หลายหมื่นคน ทำให้แต่ละปีมีรายได้สูงถึง 30-40 ล้านบาท โดยตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563 ทำให้อุทยานฯต้องปิดไป 3-4 เดือน และมาเปิดอีกครั้งในต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาส่งผลทำให้รายได้ปี 2563 ถึงเดือนส.ค. 2563 มีรายได้เพียง 16 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าสิ้นปีงบประมาณ 2563 หรือสิ้นเดือน ก.ย.นี้ น่าจะมีรายได้ประมาณ 20 ล้านบาท
“ก่อนเกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 นักท่องเที่ยวต่างชาติจะนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เพื่อเดินทางไปดำน้ำชมปะการังในหมู่เกาะรับ และบริเวณหน้าเกาะหวายบางส่วน ซึ่งมีรายได้เข้าอุทยานฯจำนวนมาก และอีกส่วนหนึ่งก็คือ การเข้าไปเที่ยวในพื้นที่น้ำตกคลองพลู และน้ำตกธารมะยม ซึ่งมีรายได้ในแต่ละปีสูงถึง 30 ล้านบาท แต่เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเดินทางมาประเทศไทยได้ รายได้จึงลดลงมาก เพราะนักท่องเที่ยวชาวไทยไม่นิยมท่องเที่ยวในการดำน้ำเท่ากับนักท่องเที่ยวต่างชาติจึงทำให้รายได้ลดลง” นายโกสิทธิ กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายัง อ.เกาะช้างนั้น มีมากกว่า 1.2 ล้านคน (เฉพาะเกาะช้าง) และสร้างรายได้ให้กับชาวอำเภอเกาะช้างปีละกว่า 10,000 ล้านบาท ส่วนทั้งจังหวัดจะมีมากถึง 1.8-2.0 ล้านคน สร้างรายได้เข้าจ.ตราด มากกว่า 20,000 ล้านบาท
