“อีอีซี-เอสอีซี”เนื้อหอม!ต่างชาติหอบเงินลงทุนไม่อั้น

  • เหตุรัฐบาลมีนโยบายดูดเม็ดเงินลงทุนชัดเจน
  • ญี่ปุ่นนำโด่งตามด้วยจีน-สิงคโปร์-เกาะเคย์แมนยังมา
  • ลุยธุรกิจอสังหา-ก่อสร้างทั่วไป-โรงแรมรีสอร์ท

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงสถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ประกอบด้วย 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง ในช่วง 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค.) ปี 62 ว่า มีจำนวน 4,976 ราย เพิ่มขึ้น 2.03% เทียบกับช่วงเดียวกันปี 61 ที่มียอดจัดตั้ง 4,877 ราย มีทุนจดทะเบียนจัดตั้ง 17,462 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.05% จากช่วงเดียวกันปี 2561 ที่มีทุนจัดตั้ง 12,649 ล้านบาท โดยธุรกิจที่จัดตั้งสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ 829 ราย ทุนจดทะเบียน 2,364 ล้านบาท ตามด้วยก่อสร้างอาคารทั่วไป 398 ราย ทุนจดทะเบียน 661 ล้านบาท และภัตตาคารและร้านอาหาร 183 ราย ทุนจดทะเบียน 438 ล้านบาท 

ส่วนการลงทุนของต่างชาติในนามนิติบุคคลไทย (ถือหุ้นไม่เกิน 49.99%) ในพื้นที่อีอีซี มีมูลค่า 752,780 ล้านบาท คิดเป็น 39.66 % ของมูลค่าทุนทั้งหมด โดยมูลค่าการถือหุ้นของต่างชาติ 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 375,907 ล้านบาท, จีน 67,872 ล้านบาท, สิงคโปร์ 42,358 ล้านบาท, สหรัฐ 27,908 ล้านบาท และหมู่เกาะเคย์แมน  23,169 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุน คือ ธุรกิจผลิตอุปกรณ์ควบคุมและจ่ายไฟฟ้า 10,883.95 ล้านบาท ธุรกิจโฮลดิ้ง 8,623 .47 ล้านบาท และธุรกิจผลิตอุปกรณ์สื่อสาร 1,684 ล้านบาท

นายวุฒิไกร กล่าวต่อถึงการจัดตั้งธุรกิจในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้  (เอสอีซี) 4 จังหวัด คือ  ชุมพร ระนอง สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช ตั้งแต่เดือนม.ค.-ส.ค..62 ว่า มีจำนวน 1,787 ราย เพิ่มขึ้น 9.90% เทียบกับช่วงเดียวกันปี 61 ที่มียอดจัดตั้ง 1,720 ราย โดยมีทุนจดทะเบียน 3,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.02% จากช่วงเดียวกันปี 61 ที่มีทุนจัดตั้ง 3,610 ล้านบาท ธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ 205 ราย มูลค่าทุน 534 ล้านบาท ตามด้วยก่อสร้างอาคารทั่วไป 169 ราย มูลค่าทุน 238 ล้านบาท และโรงแรม รีสอร์ทและห้องชุด 104 รายมู ลค่าทุน 270 ล้านบาท

ขณะที่การลงทุนของคนต่างชาติในนามนิติบุคคลไทยในเอสอีซี มีมูลค่า 13,372.20 ล้านบาท คิดเป็น 10.16% ของมูลค่าทุนทั้งหมด โดยมูลค่าหุ้นของต่างชาติ 5 อันดับแรก ได้แก่ ฝรั่งเศส 1,847 ล้านบาท, จีน 1,844 ล้านบาท, อังกฤษ 1,739 ล้านบาท, รัสเซีย 6 806 ล้านบาท และเบลเยี่ยม 728 ล้านบาท

”ในพื้นที่อีอีซี และเอสอีซี มีการจัดตั้งบริษัทใหม่เพิ่มขึ้น เป็นเพราะนโยบายของรัฐบาล ที่ส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ทั้ง 2 แห่ง ทำให้ผู้ประกอบการเข้ามาลงทุนมากขึ้น และคาดว่า น่าจะมีมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”