“อำนาจเจริญ” ยังพบผู้ติดเชื้อโควิดต่อเนื่อง ระทึกเจอคลัสเตอร์ใหม่มีความเสี่ยงกว่า 300 ราย

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (16 ส.ค.64) สถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ โดยล่าสุดข้อมูลจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญ เปิดเผยว่า วันนี้จังหวัดอำนาจเจริญมีผู้ป่วยยันยันรายใหม่เพิ่ม 36 ราย เป็นผู้ติดเชื้อเดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที ที่มาถึง จำนวน 34 ราย มีภูมิลำเนากระจายไป5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองอำนาจเจริญ จำนวน 16 ราย อ.ปทุมราชวงศา จำนวน 4 ราย อ.เสนางคนิคม จำนวน 8 ราย อ.หัวตะจำนวน 4 ราย และ อ.ลืออำนาจ จำนวน 4 ราย 

นอกจากนี้ยังเป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด 2 ราย คือ กลุ่มเสี่ยงสัมผัสสูง ที่ อ.เมืองอำนาจเจริญ  2 ราย รวมมีผู้ป่วยยืนยันสะสม ระลอก 3 จำนวน 2,086 ราย แยกเป็นติดเชื้อนอกจังหวัด สะสมจำนวน 1,998 ราย ติดเชื้อภายในจังหวัด สะสมจำนวน 88 ราย รักษาหาย จำนวน 1,247 ราย กำลังรักษา จำนวน 913 ราย ที่โรงพยาบาล จำนวน 260 ราย โรงพยาบาลสนาม จำนวน 212 ราย Community Isolation จำนวน 104 ราย Home Isolation จำนวน 247 ราย หายป่วยเพิ่ม 12 ราย รวมหายป่วย ระลอก 3 จำนวน 1,249 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ที่ อ.ปทุมราชวงศา มีผู้เสียชีวิตสะสมจำนวน 14 ราย  

สำหรับคลัสเตอร์ใหม่ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 8 ราย ในพื้นที่ อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ ดังนี้ 

เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2564 ทีมตระหนักรู้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญ ได้รับแจ้งทีมตระหนักรู้ โรงพยาบาลอำเภอหัวตะพาน ว่า พบผู่ป่วยผลตรวจยืนยันพบเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 ติดเชื้อในจังหวัดอำนาจเจริญ จำนวน 1 รายจากนั้น ทีมตระหนักรู้จังหวัดอำนาจเจริญและเจ้าหน้าที่ทีมสอบสวนโรค อ.หัวตะพาน ได้ตรวจสอบเหตุการณ์และสอบสวนหาข้อเท็จจริงที่โรงพยาบาลหัวตะพาน เพื่อค้นหาแหล่งโรค ค้นหากลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงและหามาตรการควบคุมป้องกันโรค 

โดยผลการตรวจสอบและสอบสวนข้อมูลเบื้องต้น  พบมีผู้ป่วยยืนยันพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 1 ราย เป็นเพศหญิง สัญชาติไทย อายุ 42 ปี ภูมิลำเนาอยู่หมู่ที่ 12 ต.สร้างถ่อน้อย อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ อาชีพแม่ค้าขายส้มตำปฏิเสธโรคประจำตัว 

โดยมีไทม์ไลน์ ดังนี้ วันที่ 2 ส.ค. 2564 เริ่มมีอาการไอแห้งๆ รับรักษาที่คลินิก,วันที่ 7 ส.ค. 2564 ผู้ป่วยมีอาการไข้ เจ็บคอ ไอแห้งๆและมีน้ำมูกใส,วันที่ 9 ส.ค. 2564 อาการป่วยไม่ดีขึ้น เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลหัวตะพาน แพทย์สงสัยติดเชื้อโควิด-19 เก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการหาเชื้อโควิด-19 ,วันที่ 10 ส.ค. 2564 ผลตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19  

ประวัติเสี่ยง – วันที่ 31 ก.ค. 2564 ผู้ป่วยเดินทางไปนอนกับผู้ที่เดินทางกลับจาก กทม.-วันที่ 1 ส.ค. 2564 บุตรเขยเดินทางกลับจากจังหวัดนครราชสีมา พักที่บ้าน 1 คืน ร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน และที่ร้านส้มตำ มีลูกค้า ซึ่งเดินทางไปมาหลายพื้นที่และแวะรับประทานอาหารที่ร้านเป็นประจำ 

สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูงเบื้องต้น คือ 1. ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงร่วมบ้าน จำนวน 9 ราย ตรวจหาเชื้อโควิด – 19 จำนวน 9 ราย ผลยืนยันพบเชื้อ จำนวน 6 ราย 2. ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในชุมชน จำนวน 13 ราย ตรวจหาเชื้อโควิด-19 จำนวน 13 ราย ผลยืนยันพบเชื้อ จำนวน 1 ราย  

สิ่งที่ดำเนินการต่อไป 1. ทีมสอบสวน ควบคุมป้องกันโรค จังหวัดอำนาจเจริญและอ.หัวตะพานออกสอบสวนโรคเพิ่มเติมในกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง ทีมีผลยืนยันพบเชื้อ 7 ราย พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูงร่วมบ้าน 3 ราย และผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในชุมชน24 ราย, วันที่ 15 ส.ค. 2564 ทีม CDCU อ.หัวตะพาน ดำเนินการเฝ้าระวัง ควบคุมโรคตามมาตรการ Home QUerantine ในกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง 25 ราย ,วันที่ 16 ส.ค. 2564 รพ.หัวตะพาน เก็บตัวอย่าง เพื่อส่งตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ด้วยวิธี RT-PCR ทั้ง 25 ราย ,วันที่ 17 ส.ค.2564 ตั้งแต่เวลา 09.00 น.ทีมเฝ้าระวัง สอบสวนโรค สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 อุบลราชธานี จ.อำนาจเจริญ และ อ.หัวตะพาน ออกหน่วยคัดกรองหาเชื้อ โควิด – 19 ในกลุ่มสัมผัสเสี่ยงต่ำด้วยวิธี ATK โดยรถตรวจพระราชทาน ณ.วัดบ้านโนนแคน ต.สร้างถ่อน้อย อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ กลุ่มเป้าหมาย 300 ราย  

ทั้งนี้สำหรับผู้ฉีดวัคซีน ในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ วัคซีนยี่ห้อซินแวค มีผู้ฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 32,889 ราย ผู้ฉีดเข็มที่ 2 จำนวน 8,263 ราย ผู้ฉีดเข็มที่ 3 จำนวน 0 ราย 

ส่วนวัคซีนยี่ห้อแอสตร้าเซนเนก้า มีผู้ฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 24,676 ราย ผู้ฉีดเข็มที่ 2 จำนวน 3,144 ราย  ผู้ฉีดเข็มที่ 3 จำนวน 762 ราย   

รวมถึงยี่ห้อไฟเซอร์ มีผู้ฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 80 ราย ผู้ฉีดเข็มที่ 2 จำนวน 72 ราย ผู้ฉีดเข็มที่ 3 จำนวน 1,451 ราย รวมผู้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ทั้ง 3 ยี่ห้อ จำนวน 57,665 ราย คิดเป็น 24.01% ,ผู้ฉีดเข็มที่ 2 ทั้ง 3 ยี่ห้อ จำนวน 11,479 ราย คิดเป็น4.78% และรวมผู้ฉีดวัคซีน 3 ยี่ห้อ ทั้ง 3 เข็ม จำนวน 2,213 ราย คิดเป็น 0.92% โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 240,149 ราย จากประชากรกว่า 300,000 คน