“ออมสิน” คาดจีดีพีไทยปี 62 โตแค่ 3%

  • เหตุพิษสงครามการค้ายังลากยาวไม่สิ้นสุด 
  • เงินบาทแข็งค่ากระทบส่งออกไทยหดตัวต่อเนื่อง
  • สถานการณ์ขัดแย้งทางการเมืองตะวันออกลางระอุ

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คาดว่าปี 2562 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)จะขยายตัวอยู่ที่3 % ชะลอตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลกระทบจากสงครามการค้า และค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ภาคการส่งออกชะลอตัวลง  ส่วนเศรษฐกิจไทยปี 2563 คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.3% 

สำหรับปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2562 ได้แก่  ผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ภาคเกษตรได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตและรายได้ครัวเรือนภาคเกษตรมีแนวโน้มลดลง ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นจากความไม่สงบในตะวันออกกลางส่งผลต่อต้นทุนทางธุรกิจ  และกระบวนการตรวจรับและเบิกจ่ายที่ล่าช้าในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในภูมิภาคต่างๆทั้งในตะวันออกกลางกรณีอิหร่านและสหรัฐอเมริกา ความขัดแย้งในแคว้นแคชเมียร์ระหว่างอินเดีย ปากีสถาน และจีน เป็นต้น ซึ่งหากการเจรจาไม่สำเร็จอาจพัฒนาไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงมากขึ้นได้ 

ส่วนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2562 มีปัจจัยสนับสนุนจาก 1.มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ช่วยประคองกำลังซื้อภาคครัวเรือน 2.การออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนจากต่างประเทศ (Thailand Plus Package) ซึ่งส่งผลดีต่อการลงทุนภาคเอกชน

 3.การท่องเที่ยวยังคงขยายตัวได้แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะชะลอตัวแต่ได้รับการชดเชยจากนักท่องเที่ยวโซนเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ 4.ธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจหลักกลับมาดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้น 5. การมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งเป็นผลดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศสร้างความเชื่อมั่นในการเจรจาเขตการค้าต่างๆได้

“ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินที่มีแนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้นทั้งการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและการผ่อนปรนหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) สำหรับการกู้ร่วม เอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้แรงกดดันจากความเสี่ยงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ชัดเจนขึ้น ส่วนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย”